svasdssvasds

“สภากลาโหม”ผ่านร่างแผนการระดมสรรพกำลังของกระทรวงกลาโหม

“สภากลาโหม”ผ่านร่างแผนการระดมสรรพกำลังของกระทรวงกลาโหม

ที่ประชุมสภากลาโหม เห็นชอบร่างแผนการระดมสรรพกำลังของกระทรวงกลาโหมเพื่อใช้เผชิญกับสถานการณ์ที่มีผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติ ขณะเดียวกัน ได้กำชับเหล่าทัพ ติดตามการเคลื่อนไหวบิดเบือนในโลกโซเชียล หากพบว่า ทำให้ภาพลักษณ์กองทัพเสียหาย ขอให้ดำเนินการทางกฎหมายทันที

วันนี้(30พ.ค.)พลโท คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยผลการประชุมสภากลาโหม ครั้งที่ 5 ประจำปี 2561 ที่มี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมเห็นชอบร่างแผนการระดมสรรพกำลังของกระทรวงกลาโหม โดยปรับปรุงจากแผนเดิม ให้สอดคล้องกับแผนผนึกกำลังและทรัพยากรเพื่อป้องกันประเทศ โดยมีสาระสำคัญ สำหรับใช้เป็นกรอบแนวความคิดในการระดมทรัพยากร เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจทางทหารตามแผนป้องกันประเทศ หรือ ภารกิจเพื่อความมั่นคง ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาล ครอบคลุมทั้ง แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ และแผนผนึกกำลังและทรัพยากรเพื่อการป้องกันประเทศ ตั้งแต่ภาวะปกติ โดยให้ส่วนราชการของกระทรวงกลาโหม เตรียมความพร้อมด้านกำลังพล ยุทโธปกรณ์และการส่งกำลังบำรุง ตั้งแต่ภาวะปกติ เพื่อใช้ในการเผชิญกับสถานการณ์ที่มีผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังสั่งการไปยังหัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมและผู้บัญชาการเหล่าทัพ ให้ติดตามความเคลื่อนไหวของการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ผ่านสื่อต่างๆมากขึ้น โดยเฉพาะ ทางอินเตอร์เน็ต หากพบข้อมูลที่มีลักษณะอันเป็นเท็จ บิดเบือน สร้างความเข้าใจผิด และสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของกองทัพ ขอให้ดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมาย พร้อมทั้งชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้องให้สังคมทราบด้วย

ขณะที่ฝ่ายความมั่นคง ได้ร่วมกันเปิดปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด ซึ่งปัจจุบัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ขอให้ทุกเหล่าทัพ ประสานการทำงานร่วมกับ ป.ป.ส. และตำรวจอย่างใกล้ชิด ในด้านการข่าว และเพิ่มความเข้มข้นงานสกัดกั้นยาเสพติดในพื้นที่ชายแดน ควบคู่กับการติดตามปราบปรามกลุ่มอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับอาวุธสงครามและเครือข่าย ในทุกพื้นที่ ไม่เว้น แม้หากมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมอบหมาย ให้สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ติดตามพัฒนาการของภัยคุกคามด้านกิจการอวกาศ ที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ โดยให้บูรณาการงานร่วมกับ กองบัญชาการกองทัพไทยและเหล่าทัพ รวมทั้งภาคส่วนอื่นๆ เพื่อพัฒนาขีดความสามารถด้านกิจการอวกาศของกระทรวงกลาโหม ให้เป็นไปตามแผนงานที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศของกระทรวงกลาโหม โดยเฉพาะ การ พัฒนาองค์ความรู้และขีดความสามารถของกำลังพลจากระดับผู้ใช้งาน สู่การเป็นผู้ควบคุมและบริหารสถานีดาวเทียม เพื่อพัฒนาไปสู่การพึ่งพาตนเองและรองรับระบบงานความมั่นคงด้านอวกาศของประเทศในอนาคต (การใช้ดาวเทียมสอดแนมระบบขีปนาวุธนำวิถีด้วยดาวเทียมนำร่อง และระบบนำร่องอากาศยานไร้คนขับใน การทิ้งระเบิดเป้าหมาย)

 

related