"บิ๊กจิน" ยันไทยคำนึงหลักสิทธิมนุษยชนและพร้อมเป็นผู้นำช่วยเหลือสมาชิกอาเซียน

กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม จัดประชุมหารือระหว่างภูมิภาคทั่วโลกเพื่อแลกเปลี่ยนการดำเนินงานที่ดีด้านธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนร่วมกับคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน , โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ พร้อม คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับเอเชียและแปซิฟิก และหน่วยงานอื่นๆ เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ในการขับเคลื่อนหลักการชี้แนะของสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ระหว่างกลไกสิทธิมนุษยชนจากทุกภูมิภาคทั่วโลก โดยมีผู้แทนจากภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคประชาสังคมจากประเทศสมาชิกอาเซียน

โดย พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้กล่าวปาฐกถาพิเศษในนามรัฐบาลไทยเกี่ยวกับการขับเคลื่อนงานด้านธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีฯ ได้ยืนยันความตั้งใจจริงของรัฐบาลไทยในการปฏิบัติตามหลักการชี้แนะของสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนทั้งในระดับนโยบาย และระดับปฏิบัติ โดยครอบคลุมการดำเนินงานทั้ง 3 เสาหลัก คือ “คุ้มครอง” (Protect) “เคารพ” (Respect) “เยียวยา” (Remedy) ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการปรับแก้กฎหมาย กฎระเบียบ และมาตรการหลายประการเพื่อกำกับให้ภาคธุรกิจประกอบการโดยเคารพสิทธิมนุษยชน เช่น

การคุ้มครองแรงงาน การจดทะเบียนแรงงานต่างด้าว การปรับค่าแรงขั้นต่ำ การป้องกันและปราบปรามปัญหาการค้ามนุษย์ และการจัดให้มีช่องทางและมาตรการรับเรื่องร้องเรียน แก้ปัญหา และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ เป็นต้น รวมทั้งได้มอบหมายให้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจปฏิบัติตนเป็นต้นแบบในการปฏิบัติตามหลักการชี้แนะฯ ของสหประชาชาติ ความตั้งใจจริงของรัฐบาลไทยได้รับการยืนยันจากท่านนายกรัฐมนตรีในหลายโอกาส เช่น การกล่าวถึงในรายการศาสตร์พระราชาฯ สารนายกรัฐมนตรีเนื่องในวันสิทธิมนุษยชนสากล พ.ศ. 2560 รวมทั้งการเชิญให้คณะทำงานสหประชาชาติด้านสิทธิมนุษยชนกับบรรษัทข้ามชาติและองค์กรอื่นๆ เยือนไทยอย่างเป็นทางการ เมื่อช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน 2561 ที่ผ่านมา

ซึ่งเป็นโอกาสที่หน่วยงานต่างๆ ได้หารือร่วมกับคณะทำงานสหประชาชาติฯ อย่างสร้างสรรค์ และได้รับข้อเสนอแนะหลายประการเพื่อนำมาปรับปรุงการดำเนินงานด้านธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนภายในประเทศ โดยเฉพาะจะได้นำมาเป็นฐานในการจัดทำแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน

ทั้งนี้ ปัจจุบันกระทรวงยุติธรรมอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อยกร่างแผนฯ จากนั้นจะได้เสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีเพื่อประกาศใช้ต่อไป

พร้อมกันนี้ รองนายกรัฐมนตรีฯ ยังได้ยืนยันความเป็นผู้นำของประเทศไทย โดยแสดงความพร้อมที่จะให้ความร่วมมือและช่วยเหลือประเทศสมาชิกอาเซียนในการขับเคลื่อนหลักการชี้แนะฯ โดยได้เชิญชวนให้ประเทศสมาชิกอาเซียนพิจารณาจัดทำแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนเพื่อเป็นหลักประกันให้การขับเคลื่อนหลักการชี้แนะฯ เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม