ในการประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือที่สิงคโปร์ เมื่อวานนี้ ผู้นำจากทั้ง 2 ประเทศได้พาล่ามของตัวเองเข้าไปในห้องประชุมด้วย เหตุการณ์นี้เลยทำให้ “นางลี ยุน ฮยาง” ล่ามของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กลายเป็นผู้หญิงคนเดียวในที่ประชุม
ในการประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ที่โรงแรมคาเปลลา บนเกาะเซนโตซาของสิงคโปร์ ผู้นำทั้ง 2 ได้พาล่ามแปลภาษาของตนเข้าที่ประชุมด้วย
โดยทางทำเนียบขาวระบุว่า ล่ามของฝั่งนายคิม จองอึน คือ นายคิม จูซง จากกระทรวงการต่างประเทศของเกาหลีเหนือ ขณะที่ล่ามของฝั่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ คือ นางลี ยุนฮยาง หัวหน้าฝ่ายบริการล่าม กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้หญิงคนเดียวในที่ประชุม
นางลี ยุนฮยาง หรือที่บรรดาประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ชอบเรียกเธอว่า “ดร.ลี” เป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งในการประชุมทางการทูตของสหรัฐฯ โดยก่อนหน้านี้ เธอเคยทำงานให้กับอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช และอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามามาก่อน
นางลี ยุนฮยางเริ่มการทำงานในกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ในฐานะล่ามอาวุโสทางการทูต เมื่อปี 2008 ก่อนจะมาเป็นหัวหน้าทั่วไปของแผนกล่ามในเวลาต่อมา และเธอยังเป็นที่รู้จักในเรื่องการสนับสนุนสิทธิสตรี
เธอเล่าว่า สมัยที่เธออยู่ที่เกาหลีใต้ เธอต้องเผชิญกับการดูถูกทางเพศเพียงเพราะเธอเป็นผู้หญิง เธอจึงตัดสินใจให้ลูกสาวของเธอเติบโตที่สหรัฐฯ แทน นอกจากนี้ เธอยังเคยต้องตอบคำถามมากมายว่าทำไมเธอยังคงทำงานอยู่ ทั้ง ๆ ที่เธอมีลูกแล้วถึง 2 คน และการที่ผู้หญิงไม่ได้ถูกว่าจ้างเพียงเพราะเป็นผู้หญิงนั้นเป็นอย่างไร
จริง ๆ แล้ว นางลี ยุนฮยางเรียนจบปริญญาตรี จากสาขาการร้องเพลง ที่มหาวิยาลัยยอนเซของเกาหลีใต้ หลังจากที่ช่วงมัธยมศึกษาตอนต้น เธอได้เข้าเรียนในโรงเรียนนานาชาติที่อิหร่าน เป็นเวลา 3 ปี
หลังจากจบมหาวิทยาลัยแล้ว นางลี ยุนฮยางได้ทำงานเป็นคนจัดทำรายงานสรุปประจำปีภาคภาษาอังฤษของมหาวิทยาลัยยอนเซ และเริ่มอาชีพล่ามในช่วงนั้น
เธอจบปริญญาโทจากวิทยาลัยการแปลและการตีความของมหาวิทยาลัยฮันกุกภาษาและกิจการต่างประเทศของเกาหลีใต้ และได้เป็นครูสอนอยู่ที่วิทยาลัยการแปลและการตีความที่สถาบันภาษามอนเทอรีของสหรัฐฯ เป็นเวลา 8 ปี
ในปี 2004 นางลี ยุนฮยางได้ไปสอนและควบคุมการทำงานที่ศูนย์การแปลและการตีความ ของวิทยาลัยการแปลและการตีความ มหาวิยาลัยอีฮวาที่เกาหลีใต้ ขณะที่ระหว่างนั้น เธอก็ได้รับดุษฎีบัณทิตในสาขาการแปล ที่โรงรียนการแปลและการตีความของมหาวิทยาลัยแห่งเจนีวา ที่สวิตเซอร์แลนด์
นางลี ยุนฮยางยังฝันอยากที่จะเขียนหนังสือเรียนเกี่ยวกับการแปล และหนังสือบันทึกการเดินทางและประสบการณ์ในวัฒนาธรรมที่หลากหลายเป็นของตัวเองอีกด้วย