WHO ระบุการติดเกมส์เป็นปัญหาสุขภาพจิต

ผู้อำนวยการฝ่ายสุขภาพจิต องค์การอนามัยโลก เชคาร์ แซกเซนา ระบุว่า องค์การอนามัยโลกได้ปรึกษาหารือกับผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก และได้พิจารณาหลักฐานและข้อมูลทุกอย่างที่มี จึงได้ตัดสินใจให้อาการติดเกมส์เป็นหนึ่งความผิดปกติจากการใช้สารเสพติดหรือพฤติกรรมเสพติด นับเป็นการปรับปรุงการแบ่งประเภทครั้งใหญ่ในรอบเกือบ 30 ปีในคู่มือวินิจฉัยและจัดประเภทของโรคระหว่างประเทศ

อาการที่ปรากฎให้เห็นหลักๆคือ มีความบกพร่องในการควบคุมตนเอง คือไม่สามารถที่จะหยุดเล่นเกมส์ได้ และมุ่งความสนใจไปที่เกมส์และไม่สนใจทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว ซึ่งรวมไปถึงไม่นอนและไม่ทานอาหาร ในบางกรณีที่อาการหนักมากๆคือไม่สามารถแยกตัวออกจากเกมส์ได้จนต้องออกจากโรงเรียน ออกจากงาน ตัดขาดจากครอบครัว และเพื่อนๆที่ไม่เล่นเกมส์ โดยคนส่วนใหญ่ที่มีปัญหานี้คือเยาวชน โดยเฉพาะวัยรุ่น แต่อาการเหล่านี้ควรปรากฏให้เห็นเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี ก่อนที่จะวินิจฉัยได้ว่าเข้าขั้นเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

องค์การอนามัยโลกระบุว่าทั่วโลกมีคนเล่นเกมส์ราว 2,500 ล้านคน นับเป็นหนึ่งในสามของประชากรโลก แต่คนที่ติดเกมส์จนเป็นปัญหาสุขภาพจิตนั้นยังเป็นจำนวนน้อยอยู่

ขณะที่สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า ก่อนหน้านี้ ได้มีการสำรวจนักเล่นเกม 500 คน โดยบริษัทความปลอดภัยด้านไอที อีเซ็ท (ESET) พบว่ามีนักเล่นเกม 10% ที่ยอมรับว่าใช้เวลาวันละ 10-24 ชั่วโมงนั่งติดหน้าจอ แต่ไม่พบผลเสียทางสุขภาพจิตที่ชัดเจน

ก่อนหน้านี้ มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดได้เผยแพร่ผลการวิจัยในวารสารจิตเวชศาสตร์อเมริกัน พบว่ามีผู้เล่นเกมเป็นประจำทั้งชายและหญิงจากทวีปยุโรปและอเมริกาเพียง 2-3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ที่ได้คะแนนในแบบสำรวจอาการความผิดปกติทางสุขภาพจิตมากกว่า 5 คะแนนขึ้นไป ซึ่งอาการที่เกิดขึ้นเหล่านี้รวมถึงวิตกกังวลเกินเหตุ มีพฤติกรรมต่อต้านสังคม และมีอาการ "ลงแดง" คล้ายผู้ที่ติดสุราเมื่อไม่ได้ดื่มอีกด้วย