svasdssvasds

ศอ.บต.จับมือพาณิชย์ผลักดันผลไม้ชายแดนใต้สู่ผู้บริโภคและตลาดโลก

ศอ.บต.จับมือพาณิชย์ผลักดันผลไม้ชายแดนใต้สู่ผู้บริโภคและตลาดโลก

ศูนย์อำนวยการบริหารงานจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) จับมือกระทรวงพานิชย์และหน่วยงานร่วมประชารัฐ เตรียมผลักดันผลไม้ชายแดนใต้สู่ผู้บริโภคและตลาดโลก รองรับผลผลิตช่วงสิงหาคม – ตุลาคม 2561 นี้

ศอ.บต.จับมือพาณิชย์ผลักดันผลไม้ชายแดนใต้สู่ผู้บริโภคและตลาดโลก

วันนี้ ( 19 มิ.ย. 61 ) ศูนย์อำนวยการบริหารงานจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พร้อมด้วยกระทรวงพานิชย์ และหน่วยงานร่วมประชารัฐ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมแถลงข่าวการผลักดันผลไม้ชายแดนใต้สู่ผู้บริโภคและตลาดโลก โดยมี นางจินตนา  ชัยยวรรณการ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศุภณัฐ  สิรันทวิเนติ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้  และผู้แทนอธิบดีกรมการค้าภายใน  ผู้แทนอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี นราธิวาส และยะลา ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการสาขาภาคใต้ ตอนล่าง ธ.ก.ส. ตลอดจนภาคเอกชนร่วมแถลงข่าว

ทั้งนี้การแถลงข่าวจัดขึ้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการรองรับผลผลิตผลไม้ต่างๆ ที่มีอยู่ในพื้นที่ อาทิ ทุเรียน ลองกอง มังคุด และเงาะ  ซึ่งจะออกสู่ท้องตลาดระหว่างเดือน ส.ค.– ต.ค. 2561 นี้ โดยมีการคาดการณ์ไว้ว่าในปีนี้พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะมีผลผลิตทุเรียนมังคุดและเงาะมากที่สุด ในเดือนส.ค.  และลองกองมากที่สุดในเดือน ต.ค. ซึ่งผลผลิตทั้งหมดจะต้องมีตลาดรองรับและถูกผลักดันออกสู่นอกพื้นที่ โดยเฉพาะในกลุ่มตลาดโลกที่มีการเจรจาด้านการค้าไว้ก่อนหน้านี้ อย่างประเทศจีน

ศอ.บต.จับมือพาณิชย์ผลักดันผลไม้ชายแดนใต้สู่ผู้บริโภคและตลาดโลก

นายภาณุมาศ ตั้นซู่ รองผู้อำนวยการสำนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรฝ่ายกิจการภาคใต้ตอนล่าง กล่าวว่า เรื่องผลไม้ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้  พี่น้องเกษตรกรได้ใช้สิทธิพิเศษ คือการพักชำระหนี้ ดังนั้น ทาง ธ.ก.ส. มีโครงการที่จะเพิ่มคุณภาพของผลผลิต โดยใช้กระบวนการของชุมชนเข้มแข็ง ยึดชุมชนเป็นศูนย์กลาง ให้มีกลุ่มการผลิต โดยเน้นเกษตรแปลงใหญ่ ที่รวมตัวการผลิต เพื่อเป็นการลดต้นทุน ในการจัดซื้อเครื่องจักร วัสดุทางการเกษตร ซึ่งเป็นของภาคของการผลิต และยังมีสินเชื่อที่เข้าไปปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิตให้เป็นสมาร์ทฟาร์มเมอร์ โดยใช้นวัตกรรมแบบใหม่ในการผลิตมากขึ้น

ส่วนนางจินตนา  ชัยยวรรณการ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จุดเด่นของ 3 จังหวัด คือผลไม้ที่มีชื่อเสียง ทั้งทุเรียน มังคุด ลองกองและเงาะ ซึ่งจะออกมากในช่วง ที่ทางภาคตะวันออกไม่มีผลผลิตออกมา จะทำให้เป็นโอกาสที่ดีสามารถที่จะรองรับการส่งออกในราคาที่ดีขึ้นไปด้วย

สำหรับผลไม้ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ออกสู่ตลาด ประมาณ 49,061 ตัน แยกเป็นทุกเรียน 32,353 ตัน ลองกอง 11,881 ตัน มังคุด 3,191 ตัน และเงาะ 1,636 ตัน  ในภาพรวมผลไม้และผักของไทยส่งออก ทำรายได้ปีละ ไม่น้อยกว่า 1 แสนล้านบาท

 

related