ขณะที่ภารกิจค้นหาทีมฟุตบอลและโค้ช ทั้ง 13 ชีวิต ที่ติดอยู่ภายในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ยังดำเนินอยู่ วันนี้สปริงนิวส์ ก็มีเทคนิคการเอาตัวรอดในถ้ำมาแนะนำ
เมื่อต้องประสบปัญหา ติดอยู่ภายในถ้ำ สิ่งแรกที่ต้องคำนึง คือเรื่องของน้ำท่วม เมื่อเข้าไปในถ้ำ จึงควรหาว่าระดับน้ำในถ้ำเคยสูงสุดถึงจุดไหน โดยสังเกตจากร่องรอยใบไม้หรือรอยโคลนบนผนังถ้ำ เนื่องจากมีข้อมูลว่า แม้ถ้ำบางแห่งจะมีขนาดใหญ่ถึงขนาดจอดเครื่องบินได้ทั้งลำ แต่น้ำก็สามารถท่วมถึงเพดานถ้ำได้ จึงควรเลือกอยู่จุดที่สูงที่สุด
ส่วนอีกเรื่องที่ต้องระวังคือภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกติ อากาศภายในถ้ำส่วนใหญ่ค่อนข้างเย็นและมีความชื้นสูง หากเสื้อผ้าเปียก วิธีที่ดีที่สุด คือบิดให้หมาดและสวมใส่กลับไปเหมือนเดิมและปล่อยให้ความร้อนของร่างกาย ทำให้เสื้อผ้าแห้ง วิธีนี้ถือเป็นวิธีพื้นฐาน แต่หากมีเสื้อผ้าเปลี่ยนให้เปลี่ยนใหม่ และนั่งรวมตัวอยู่ใกล้ ๆ กันเพื่อความอบอุ่น
ระหว่างนั้นต้องแบ่งเสบียงอาหาร น้ำดื่ม สำรองไว้ เพื่อไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ เพราะแม้ว่าน้ำในถ้ำส่วนใหญ่จะพอดื่มได้ แต่ก็ไม่ควรเสี่ยง แต่หากเลือกไม่ได้ ให้ดูหยดน้ำที่ไหลตามมุมต่าง ๆ หรือร่องน้ำ อาจจะเป็นแหล่งน้ำที่สะอาดกว่า
ขณะเดียวกัน ออกซิเจนก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ต้องทำความเข้าใจว่า โดยทั่วไปแล้ว เป็นปกติที่ระดับออกซิเจนในถ้ำจะต่ำ แต่จะไม่ต่ำจนเป็นอันตราย เพราะถ้ำส่วนใหญ่มีอากาศถ่ายเท แต่ระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อาจเพิ่มสูงขึ้นได้ หากผู้ประสบภัยติดอยู่ในที่แคบนาน ๆ
ส่วนสิ่งที่จัดการยากที่สุดแต่สำคัญที่สุด คือความเครียด ควรสงบสติอารมณ์ ไม่ตื่นตระหนก หากพบว่าตัวเองหลุดออกไปจากเส้นทาง ถ้าไม่ได้รับบาดเจ็บ ควรประเมินสถานการณ์และคิดอย่างรอบคอบเกี่ยวกับวิธีการที่จะได้ออกจากถ้ำ
คำแนะนำสำหรับนักสำรวจถ้ำมือใหม่ เป็นกฎเลยว่า จะเตรียมพร้อมเสมอเวลาจะเข้าไปสำรวจถ้ำ ตั้งแต่ข้อมูลต่างๆของถ้ำ การมีอุปกรณ์ที่เหมาะสม อย่างอุปกรณ์ส่องสว่างต่างๆ แบตเตอรี น้ำดื่ม อาหารให้พลังงาน และเครื่องแต่งกายที่รัดกุม รวมถึงอุปกรณ์ยังชีพต่างๆ เช่น เชือก เครื่องมือขุด และชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้น
นอกจากนี้ ยังควรไปกับคนที่เชี่ยวชาญเส้นทางในถ้ำนั้น ๆ และสิ่งสำคัญอีกอย่างคือ ต้องบอกใครสักคนเวลาจะเข้าไปในถ้ำ เพราะยิ่งมีการแจ้งเหตุเร็วเท่าไหร่ การช่วยเหลือก็จะเริ่มต้นได้เร็วเช่นกัน