ยอดผู้เสียชีวิตเหตุน้ำท่วมหนัก – ดินถล่ม ที่ญี่ปุ่น พุ่งทะลุ 100 ราย
ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วมหนักและดินถล่มในพื้นที่ทางฝั่งตะวันตกของญี่ปุ่นได้เพิ่มขึ้นเป็น 112 รายแล้ว ขณะที่ทางการเร่งส่งกำลังพลไปให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่
ทางการญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุฝนตกอย่างหนักทางแถบตะวันตกของประเทศญี่ปุ่นที่ทำให้เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่และดินถล่ม ตอนนี้เพิ่มขึ้นเป็น 112 รายแล้ว และยังมีผู้ที่อาการสาหัสอยู่ 3 คน นอกจากนี้ยังมีผู้สูญหายอีก 79 คนด้วย โดยจังหวัดฮิโรชิมาเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดซึ่งมีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิต 44 ราย ขณะที่จังหวัดโอกายามา, เอฮิเมะ, เกียวโต, ยามากุจิ, ฟุกุโอกะ, คาโกชิมะ, เฮียวโง, ชิกะ, โคจิ, กิฟุ และซางะ ก็มีรายงานผู้เสียชีวิตเช่นกัน ซึ่งการกู้ภัยเป็นไปได้อย่างยากลำบากเพราะระดับน้ำท่วมสูงและดินถล่ม
ทางการการญี่ปุ่นยังได้เตือนว่ายอดผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มขึ้นอีก ขณะที่มูลค่าความเสียหายโดยรวมยังประเมินค่าไม่ได้ แต่หน่วยกู้ภัยก็กำลังออกปฏิบัติการทั่วทุกพื้นที่ที่ประสบภัย ซึ่งนายโยชิฮิเดะ ซูกะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวว่า ได้ส่งกำลังพล 73,000 นาย ประกอบไปด้วยกองกำลังป้องกันตนเอง, หน่วยยามชายฝั่ง, ตำรวจ และหน่วยดับเพลิง รวมถึงเฮลิคอปเตอร์อีก 70 ลำ ลงพื้นที่แล้ว นอกจากนี้ยังมีการแจกจ่ายอาหารที่ศูนย์หลบภัยในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักด้วย
ในจังหวัดฮิโรชิมา หน่วยดับเพลิงกำลังออกค้นหาประชาชนที่อาจติดอยู่ใต้ดินจากเหตุดินถล่มใส่บ้านเรือนกว่า 20 หลัง ส่วนทางการจังหวัดเอฮิเมะกล่าวว่า พบร่างเด็กผู้ชาย 1 รายถูกฝังอยู่ใต้โคลน ด้านเมืองอายาเบะในจังหวัดเกียวโตก็เกิดเหตุดินถล่มเช่นกัน โดยมีการพบร่างชาย 2 รายและหญิงอีก 1 ราย ถูกฝังอยู่ใต้โคลนเช่นกัน
บริการคมนาคมในหลายพื้นที่ทางตะวันตกของญี่ปุ่นต้องหยุดให้บริการ ขณะที่บ้านเรือนอย่างน้อย 13,600 หลัง ไม่มีไฟฟ้าใช้เมื่อช่วงเช้าวันนี้ และ 267,000 หลังคาเรือนไม่มีน้ำประปาใช้
อย่างไรก็ตาม กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นได้ยกเลิกประกาศเตือนภัยฉุกเฉินในจังหวัดเอฮิเมะและโคจิแล้ว แต่ก็ยังเตือนประชาชนให้เฝ้าระวังน้ำท่วมและดินถล่มอยู่ ขณะที่จังหวัดกิฟุ, เอฮิเมะ, โคจิ, เกียวโต, เฮียวโง, ฮิโรชิมา, โทคุชิมา, ยามากุจิ และคาโกชิมา มีการประกาศให้เฝ้าระวังดินถล่ม
ส่วนนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ จะยกเลิกแผนเดินทางเยือน 4 ประเทศ ประกอบไปด้วย เบลเยียม, ฝรั่งเศส, ซาอุดีอาระเบีย และอียิปต์ เพื่ออยู่รับมือกับสถานการณ์ภัยธรรมชาติในประเทศ พร้อมทั้งให้คำมั่นว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติ
