สนช.ถกเครียด ร่าง พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ หลังแก้คำนิยามรัฐวิสาหกิจใหม่ ครอบคลุม แค่บริษัท แม่และลูก หวั่นทำบริษัทหลานและเหลนหลุดวงโคจรตรวจสอบ
ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้พิจารณา ร่าง พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ....วาระ 2 และวาระ 3 ภายหลังคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง พิจารณาเสร็จแล้ว ซึ่งมีทั้งสิ้น 59 มาตรา
ทั้งนี้ สมาชิก สนช. ส่วนใหญ่ ต่างติดใจกับการปรับแก้นิยามคำว่า “รัฐวิสาหกิจ” ในกฎหมายเดิมปี 2502 ที่บัญญัติคำนิยามรัฐวิสาหกิจไว้ 4ชั้น คือ บริษัทแม่ , ลูก ,หลาน , เหลน แต่ร่าง พ.ร.บ.ฉบับใหม่ แก้ให้เหลือแค่ชั้น แม่ และลูกเท่านั้น ทำให้กังวลว่า บริษัทชั้นหลานและเหลนจะหลุดพ้นจากการตรวจสอบขององค์กรต่างๆ อาทิ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ปปท.) และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) หรือไม่ รวมถึงความชัดเจนของคำนิยามที่อาจเชื่อมโยงกับกฎหมายฉบับอื่น จนจะกลายเป็นปัญหาการตีความในภายหลัง
พล.อ.อ.ชนะ อยู่สถาพร ประธานกรรมาธิการฯ ชี้แจงว่า คำนิยามรัฐวิสาหกิจดังกล่าวจะใช้เฉพาะกฎหมายฉบับนี้เท่านั้น ไม่เกี่ยวโยงกฎหมายฉบับอื่น ส่วนการตรวจสอบบริษัทชั้นหลานและเหลน ได้รับคำยืนยันจาก สตง.แล้วว่า สามารถทำได้โดยผ่านงบดุลของบริษัทแม่ ว่ามีการนำเงินไปใช้ในส่วนใด แต่ที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีบริษัทเหล่านี้ได้รับงบประมาณเลย
นายคำนูณ สิทธิสมาน กรรมาธิการฯ เสียงข้างน้อย กล่าวว่า ได้รับคำยืนยันว่า นิยามรัฐวิสาหกิจของร่างกฎหมายฉบับนี้ ไม่ใช่คำนิยามกลาง แต่ใช้เฉพาะกฎหมายฉบับนี้เท่านั้น อีกทั้งนิยามคำนี้ในกฎหมายแต่ละฉบับมีความแตกต่าง เพราะเป็นไปตามภารกิจของแต่ละกฎหมาย แต่ที่ผ่านมา มีการอ้างอิงคำนิยามใน พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ.2502 ทางกรรมาธิการฯ จึงบัญญัติบทเฉพาะกาลให้แต่ละหน่วยงานต้องไปกำหนดคำนิยามตามภารกิจของตนเองภายใน 3 ปี แต่ระหว่างนี้ให้ยึดคำนิยามตาม พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณปี 2502 ไปพลาง ซึ่งตนได้สงวนความเห็นประเด็นนี้ เพราะการแก้ไขกฎหมายในระยะเวลา 3 ปี อาจทำไม่ทัน ซึ่งจะส่งผลให้ต้องใช้คำนิยามตามกฎหมายใหม่โดยอัตโนมัติ จึงไม่ควรมีการกำหนดระยะเวลาการแก้ไขคำนิยาม เพื่อไม่ให้คำนิยามดังกล่าวไปกระทบกับกฎหมายฉบับอื่น
นายสมชาย แสวงการ สนช. ตั้งข้อสังเกตในเรื่องดังกล่าว พร้อมให้ สนช.พิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ เพื่อไม่ให้ถูกโจมตี หรือถูกกล่าวหาว่า “ขายชาติ” ในภายหลัง เนื่องจากมีบริษัทลูก บริษัทหลานบางแห่งไปทำธุรกิจในต่างประเทศ ซึ่ง สตง. อาจตรวจสอบไปไม่ถึง
ทั้งนี้ การอภิปรายตั้งข้อสังเกตของ สนช.ผ่านไปกว่า 1 ชั่วโมง ยังหาข้อสรุปไม่ได้ ทำให้ประธานต้องสั่งพักการประชุม เพื่อหารือในประเด็นดังกล่าว