นายกฯ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำเขื่อนเพชร

สถานการณ์น้ำเขื่อนแก่งกระจานที่ไหลมาสามารถควบคุมได้

ปริมาณน้ำที่ไหลเข้าเขื่อนเพชรขณะนี้ 30 ลบ.ม./วินาที ขณะที่ระบบตัดน้ำส่งไปคลองส่งน้ำ 4 สาย ทั้งซ้าย ขวา ระบายได้ประมาณ 55 ลบ.ม./วินาที และพร่องน้ำผ่านประตูลงแม่น้ำเพชร รวมระบายน้ำได้ขณะนี้ 123.87 ลบ.ม./วินาที

ขณะที่แม่น้ำเพชรรับการระบายน้ำได้ 150 ลบ.ม./วินาที พร้อมยืนยันกับทีมข่าวว่า สถานการณ์น้ำเขื่อนแก่งกระจานที่ไหลมา แม้จะระบายมากถึงระดับ 250 ลบ.ม./วินาที แต่สามารถควบคุมได้ น้ำจะไม่ท่วมถนนเพชรเกษม เพราะมวลน้ำทยอยไหลมา เพิ่มระดับชั่วโมงละ 1 เซนติเมตร แตกต่างจากมวลน้ำก้อนใหญ่ในปี 2560 ที่มีฝนตกหนักที่ห้วยแม่ประจันต์ ทำให้บริหารน้ำไม่ทัน และจากสถานการณ์ระดับน้ำในเขื่อนแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี อยู่ในขั้นวิกฤติ น้ำล้นสปิลเวย์ และมีแนวโน้มว่าอาจจะไหลบ่าเข้าท่วมขังใน 5 อำเภอ จ.เพชรบุรี

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และคณะ มีกำหนดการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำ จ.เพชรบุรี โดยเวลา 08.00 น. จะเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์จากสนามบิน ฮ.พล.ม.2 รอ.มายัง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี และเดินทางต่อด้วยรถยนต์มายังเขื่อนเพชร เพื่อดูการบริหารจัดการน้ำที่มาจากเขื่อนแก่งกระจาน รวมทั้งตรวจระดับน้ำและรับฟังการบรรยายสรุปก่อนที่จะมอบนโยบายให้กับฝ่ายเจ้าหน้าที่ปฏิบัติ

หลังจากนั้นเดินทางไปยังประตูระบายน้ำคลอง D9 ซี่งมีระยะทางห่างออกไปประมาณ 10 กิโลเมตร เพื่อดูการขยายคลองชลประทานเชื่อมต่อกับคลองระบายน้ำ D9 ซึ่งจุดนี้ค่ะเป็นจุดที่ทีมข่าวได้ลงสำรวจพื้นที่ต้องแต่ช่วงเย็นจนถึง 22:00 น.พบว่ามีการเปิดประตูระบายน้ำใช้งานแล้วหลังจากเจ้าหน้าที่ชลประทานเร่งขุดคลองชลประทานขวา 1 สายใหญ่ 3 เปิดทางระบายน้ำ เพื่อตัดน้ำจากเขื่อนแก่งกระจาน ไม่ให้ไหลผ่านเขื่อนเพชร ป้องกันน้ำท่วมตัวเมืองเพชรบุรี แต่จากการสอบถามพีรพัฒน์ มณีโชติ หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 3 โครงการชลประทานเพชรบุรี ก็บอกนะคะว่า การขุดคลองชลประทานขวา 1 สายใหญ่ 3 จะช่วยให้น้ำไม่ท่วมได้ตัวเมืองเพชรบุรีแน่นอน

ขณะที่ในช่วงบ่ายนายกฯ มีกำหนดเดินทางไปยังวัดคุ้งตำหนัก ต.บางตะบูน อ.บ้านแหลม เพื่อตรวจการติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำและระดับน้ำเปรียบเทียบ ก่อนที่จะเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในเวลา 15.30 น.