กลุ่มสิทธิมนุษยชนเผยตำรวจอินโดฯสังหารผู้ต้องสงสัยหลายสิบรายก่อนเอเชียนเกมส์

แอมเนสตี้ อินเทอร์เนชันแนล ระบุว่านับตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงเดือนสิงหาคมปีนี้ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 31 รายในเมืองที่เป็นสถานที่จัดการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ นั่นก็คือ กรุงจาการ์ต้า และเมืองปาเล็มบัง

ในขณะที่หากรวมยอดทั่วประเทศ มีผู้ถูกตำรวจสังหารไปอย่างน้อย 77 รายในช่วงเวลาเดียวกันด้วยฐานความผิดเล็กๆน้อยๆ

ผู้บริหารของแอมเนสตี้ อินเทอร์เนชันแนลประจำอินโดนีเซียระบุว่า ในช่วงเวลาไม่กี่เดือนก่อนการแข่งขันเอเชียนเกมส์ ทางการต้องการพัฒนาเรื่องของความมั่นคง แต่เรากลับเห็นตำรวจยิงสังหารผู้คนหลายสิบทั่วประเทศโดยไม่ต้องรับผิดชอบการการตายดังกล่าว วิธีการที่ตำรวจใช้ถือว่าทั้ง “ไม่จำเป็นและรุนแรงเกินกว่าเหตุ” ซึ่งการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาระดับสากลไม่ควรมาพร้อมกับการละทิ้งสิทธิมนุษยชน

แอมเนสตี้ อินเทอร์เนชันแนล ระบุว่า การสังหารมักเกิดขึ้นกับผู้ต้องสงสัยที่พกปืนหรืออาวุธอื่นๆ ขี่จักรยานยนต์ออกปล้นผู้คน

นอกจากนี้ ในช่วงวันที่ 3 -12 กรกฎาคมที่ผ่านมา ตำรวจจาการ์ตายิงผู้กระทำผิดเสียชีวิตไป 11 คน ในปฏิบัติการสร้างความปลอดภัยให้สาธารณะ รวมทั้งยังมีการยิงขาของผู้ต้องสงสัยไปอีก 41 คน และจับคุมผู้คนมากกว่า 700 คนในข้อหาทางอาญา ซึ่งแอมเนสตี้ อินเทอร์เนชันแนลประนามว่า ตำรวจอินโดนีเซียนั้นใช้หลักการ “ยิงก่อน ถามทีหลัง” จึงเรียกร้องให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนและสำนักงานตำรวจแห่งชาติของอินโดนีเซีย สอบสวนเรื่องดังกล่าว

ทั้งนี้ การก่อการร้ายที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในอินโดนีเซียจากอิทธิพลของกลุ่มรัฐอิสลามในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา จึงถือเป็นความท้าทายสำคัญของทางการอินโดนีเซียในช่วงการเป็นเจ้าภาพกีฬาเอเชียนเกมส์

โมฮัมหมัด ไซฟุดดิน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติของอินโดนีเซียระบุว่า การที่สถานที่จัดงานกระจายในหลายพื้นที่จึงถือเป็นเรื่องท้าทายด้านความปลอดภัย และมีการวางกำลังทหารและตำรวจนับแสนนายประจำการ

เขาระบุว่า เมื่อสามเดือนที่แล้ว มีการตรวจพบแผนก่อเหตุโจมตีในช่วงการแข่งขันแต่ทางการก็สามารถระงับแผนไว้ได้ ซึ่งสะท้อนได้ว่า ทางการอินโดนีเซียนั้นก็น่าจะสามารถตรวจจับเหตุโจมตีในอนาคตได้อีก