svasdssvasds

เตือนสนามบินหลายแห่งทั่วโลกเสี่ยงน้ำท่วม

เตือนสนามบินหลายแห่งทั่วโลกเสี่ยงน้ำท่วม

ไต้ฝุ่นเชบีพัดถล่มญี่ปุ่น ทำให้สนามบินหลักแห่งหนึ่งของประเทศต้องหยุดให้บริการเพราะน้ำท่วมหนัก และยังมีสนามหลายสิบแห่งทั่วโลกที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลไม่มากและมีความเสี่ยงที่จะถูกน้ำท่วมด้วยเช่นเดียวกัน

รายงานของหนังสือพิมพ์ เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ ระบุว่า สภาสมาคมท่าอากาศยานระหว่างประเทศ หรือ เอซีไอ พบว่า 1 ใน 4 ของสนามบินที่หนาแน่นที่สุดของโลก 100 อันดับแรก ตั้งอยู่เหนือกว่าระดับน้ำทะเลไม่ถึง 10 เมตร ซึ่งถือว่าจะเป็นอันตรายในอนาคตหากระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นและสภาพอากาศรุนแรงจากสภาวะอากาศเปลี่ยนแปลง

ตัวอย่างของสนามบินที่เข้าข่ายก็คือ สนามบินที่เซี่ยงไฮ้ โรม ซานฟรานซิสโก และนิวยอร์ก ซึ่งตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเลน้อยกว่า 5 เมตร

ปัญหาระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น ส่วนหนึ่งก็มาจากอุตสาหกรรมการบินด้วย ซึ่งการสัญจรทางอากาศปล่อยก๊าซเรือนกระจกคิดเป็น 3% ของการปล่อยก๊าซทั้งโลก และองค์กรการบินพลเรือนสากลคาดการณ์ว่า การเดินทางทางอากาศจะปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าภายในปีค.ศ. 2050

ทั้งนี้ พื้นที่ลุ่มต่ำเลียบผืนน้ำถือเป็นทำเลชั้นยอดในการสร้างสนามบินและรันเวย์เพราะไม่มีสิ่งกีดขวางการขึ้นลงของเครื่องบิน และไม่ต้องกังวลกับการร้องเรียนเรื่องเสียง แต่การสร้างสนามบินริมชายฝั่งก็ทำให้ไม่มีการปกป้องสนามบินจากน้ำท่วมและลมที่กระโชกแรง

เมื่อรวมความเสี่ยงทั้งจากสภาพอากาศที่แปรปรวนและระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น จึงทำให้สนามบินยอดนิยมหลายแห่งเผชิญความท้าทาย เช่น เฮอร์ริเคนแซนดี้ที่พัดถล่มสหรัฐฯในปี 2012 ทำให้สนามบินในนิวยอร์ก 3 สนามบินเผชิญน้ำท่วม ขณะที่ไต้ฝุ่นโกนีก็ทำให้รันเวย์ของสนามบินหงเฉียวของเซี่ยงไฮ้ใช้งานไม่ได้ ส่วนสนามบินโคชินในรัฐเกรละของอินเดียก็ต้องปิดบริการราวสองสัปดาห์หลังเกิดน้ำท่วมใหญ่ในรัฐ

ทั้งนี้ สนามบินหลายแห่งเริ่มสร้างระบบป้องกันแล้วเช่นกัน เช่น สนามบิน เซนต์ พอล ดาวน์ทาวน์ ในรัฐมินนิโซตาของสหรัฐฯ ซึ่งเผชิญน้ำท่วมจากแม่น้ำมิสซิสซิปปี้ ได้สร้างกำแพงเคลื่อนที่ได้ ไว้ติดตั้งกั้นน้ำเข้าสนามบิน หากเห็นว่าระดับน้ำในแม่น้ำกำลังจะล้นตลิ่ง ส่วนสนามบินลา การ์เดีย ที่นิวยอร์กก็ใช้งบประมาณราวเก้าร้อยล้านบาทเพื่อติดตั้งกำแพงกั้นน้ำท่วม เครื่องสูบน้ำฝน และสร้างระบบระบายน้ำใหม่ในลานบินด้วยเช่นกัน

 

 

related