ศึกชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เข้มข้น! 3 ฝ่ายงัดนโยบายสู้
ศึกชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เข้มข้น ผู้สมัครขนกองเชียร์ให้กำลังใจเพียบ โดยนายแพทย์วรงค์ ระบุจะสู้ทุกทางและมีลางสังหรณ์ได้เป็นหัวหน้าพรรคแน่ ด้านนายอภิสิทธิ์มั่นใจ มีเสียงหนุนจำนวนมาก เร่งลงพื้นที่พบปะสมาชิกทำคะแนน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ และนายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ สมัครเข้ารับการหยั่งเสียง โดยนายอภิสิทธิ์ลงนามรับรองเสนอชื่อนายอลงกรณ์เป็นหัวหน้าพรรค ด้วยเนื่องจากเอกสารรายชื่อผู้สนับสนุนมาไม่ทัน ซึ่งผลการจับฉลากหมายเลขนายอภิสิทธิ์ ได้หมายเลข 1 นายแพทย์วรงค์ ได้หมายเลข 2 และ นายอลงกรณ์ ได้หมายเลข 3
นโยบายของผู้เข้าชิง ทั้ง 3 คน
- นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม ที่หลายคนจับตา หลังมีกระแสข่าวหากนายแพทย์วรงค์ ได้เป็นหัวหน้าพรรค ก็มีความเป็นไปได้ที่ ปชป.จะจับมือกับพลังประชารัฐ แต่นายแพทย์วรงค์ ก็ไม่ได้ให้ความชัดเจนเรื่องนี้ แต่ชูนโยบาย เรื่องการเปลี่ยนแปลง ปูพื้นประเทศ เพื่อให้ประชาชนคนไทยอีก 20 ปีข้างหน้า เคียงบ่าเคียงไหล่กับนานาชาติได้
นายแพทย์วรงค์ ระบุด้วยว่า มีลางสังหรณ์ จะถูกได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์อย่างแน่นอน และจะ ถือเคล็ดพก "เบี้ยแก้"จากเจ้าอาวาสวัดพระธาตุหนองบัว ถึงวันที่ 5 พ.ย.
- นายอลงกรณ์ พลบุตร นำเสนอนโยยบายใช้สูตร 4 ปฏิรูป 5 กฎเหล็ก และ 6 ยุทธศาสตร์ พร้อมคำขวัญประชาธิปัตย์ยุคใหม่ One Democrat One Family และหากได้เป็นหัวหน้าพรรค มีแนวทางชัดเจนจะไม่รับนายกฯคนนอก เนื่องจากเป็นฉนวนวิกฤตที่ร้ายแรงของประเทศ
ส่วนการที่ตนเองขาดคุณสมบัติการลงสมัคร ส.ส. ก็ไม่ได้รู้สึกกังวล เพราะการมาสมัครชิงหัวหน้าพรรคในครั้งนี้ เพื่อฟื้นฟูพรรค และยังมีสิทธิ์เป็นรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรีได้
- นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขอเป็นตัวแทนพรรคลงชิงเก้าอี้หัวหน้า ไม่แบ่งกลุ่ม และยึดนโยบายเดิมคือ “มุ่งมั่นเรื่องอุดมการณ์ มุ่งหน้าเพื่ออนาคตของประเทศ” ซึ่งมั่นใจว่ามีสมาชิกสนับสนุนตนเองไม่น้อย และจากนี้จะเดินหน้าพบปะกับสมาชิกพรรคให้มากที่สุด และไม่หวั่นไหวกับกระแสข่าวที่บอกคนในพื้นที่ภาคใต้ไม่ยอมรับตัวเองด้วย หากตนได้เป็นหัวหน้าพรรคต่อ ก็จะทำเต็มที่ เพื่อให้พรรคได้รับเสียงสนับสนุนมากที่สุดจนได้เป็นรัฐบาล
วิธีการลงคะแนนหยั่งเสียง
จะใช้ 2 วิธี คือ 1. ลงทะเบียนอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่วันที่ 1-5 พ.ย.นี้ และ 2.ลงคะแนนที่หน่วยลงคะแนน ผ่านหน่วยลงคะแนนของแต่ละจังหวัดในวันที่ 5 พ.ย. ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. จากนั้นจะมีการประชุมใหญ่พรรคเพื่อเลือกหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรคทั้งหมด 41 คน ทันทีตามกฎหมาย
