ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th
นายบุญพร้อม คำลือฤทธิ์ อายุ 62 ปี ชาวบ้านหมู่ที่ 3 บ้านหนองโจด ตำบลไฮหย่อง อำเภอพังโคน จังหวัดสกลนคร จบการศึกษาเพียงชั้น ป.4 ยึดอาชีพเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดทุกชนิด นานกว่า 35 ปี ทั้งปลาพื้นบ้าน ปลาหายาก ปลาคราฟ สร้างรายได้ จากริเริ่มทำการเกษตรแบบผสมผสาน บนเนื้อที่ 2 ไร่ 2 งาน โดยยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ขยัน ประหยัด อดออม พอมีพอกิน พอใช้ ตั้งแต่ปี 2527 ขณะนี้ทำฟาร์มปลา ทองพันธุ์ปลา บนพื้นที่ของตนเอง 144 ไร่ มีประสบการณ์การเพาะพันธ์สัตว์น้ำมานากว่า 34 ปี ผลผลิตลูกพันธ์สัตว์น้ำจืด ปีละกว่า 10 ล้านตัว ได้รับเกียรติบัตรจากโรงเรียนพังโคนวิทยาคม เนื่องจากเป็นผู้ทำคุณประโยชน์ด้านการเกษตรเป็นอย่างสูงเมื่อปี2548 ได้รับพระราชทานปริญญาบัตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิตกิติมศักดิ์ สาขาเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ จากมหาวิทยาลัยราชภัฎสกลนคร เมื่อปี 2549 และได้รับการคัดเลือกเป็นเกษตรกรดีเด่นระดับเขต ปะจำปี 2561 จากกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปัจจุบันเป็นคณะกรรมการบริหารศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบลไฮหย่อง อำเภอพังโคน จังหวัดสกลนคร ให้คำปรึกษาและรับบริการแก่ประชาชนที่สนใจการเพาะพันธุ์ปลา
นายบุญพร้อม คำลือฤทธิ์ กล่าวว่า มีผู้สนใจการเพาะสัตว์น้ำจืดที่ตนเองทำ และเข้ามาศึกษาข้อมูลอยู่เรื่อยๆ ซึ่งตนก็ยินดีที่จะให้ความรู้เป็นวิทยาธาน ขณะนี้ตนเพาะเลี้ยงปลาพันธุ์ปลากว่า 30 ชนิด โดยตนได้ศึกษาค้นคว้าทดลองแบบล้มลุกคลุกคลานอยู่หลายปี กว่าจะประสบความสำเร็จ โดยพัฒนาหลายๆชนิด ทั้งที่ตนเองสนใจ และชนิดที่ลูกค้าต้องการ ระยะหลังมานี้พบว่าสายพันธุ์ปลาในธรรมชาติเริ่มลดน้อยลงและสูญหายไปบ้าง ตนก็ได้นำมาพัฒนาสายพันธุ์จะได้ขยายพันธุ์ต่อไป ส่วนปลาหมอไทยที่ตนเพาะพันธุ์โดยปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญ จึงลงมือเพาะพันธุ์ โดยพบว่าปลาหมอไทยมีจุดอ่อนที่เกล็ดหลุดออกง่าย แต่ทนทานคล้ายกับปลาหมอพื้นบ้าน ขั้นตอนในการเลี้ยงจะปล่อยลูกปลาหมอไทยขนาด 2 – 3 เซนติเมตร ในอัตราความหนาแน่น 50 ตัวต่อตารางเมตร หรือ 48,000 ตัวต่อไร้ ในช่วงเช้าหรือเย็น น้ำในบ่อจะต้องไม่ต่ำกว่า 60 เซนติเมตร หลังจากปล่อยลูกปลาลงเลี้ยงประมาณ 1 เดือนจึงเพิ่มน้ำเป็น 1-1.50 เมตร ในช่วงแรกจะเลี้ยงโดยใช้อาหารเม็ดปลาดุกขนาดเล็ก วันละ 2 ครั้งเช้าเย็น เป็นเวลา 2 เดือน และต่อมาให้อาหารเม็ดปลาดุกขนาดใหญ่ เมื่อปลามีขนาดใหญ่ขึ้น เมื่อปลามีอายุประมาณ 4 – 5 เดือน ก็สูบน้ำออกจากบ่อให้เหลือน้อยแล้วตีอวนจับปลาขาย ขนาด 3 – 4 ตัว จะหนักประมาณ 1 กิโลกรัม ขายกิโลกรัมละ 100-120 บาท และขนาด 6-10 ตัว หนักประมาณ 1 กิโลกรัม จะขายกิโลกรัมละ 80 – 100 บาท
ขณะนี้มีบ่อเลี้ยงปลาหมอ ประมาณ 10 กว่าบ่อ ที่เหลือจะเป็นปลาสายพันธุ์อื่น โดยส่วนมากจะเป็นปลาที่มีอยู่ในลำห้วยปลาหาง ที่ไหลลงลำน้ำอูน ลำน้ำก่ำ แม่น้ำโขง เช่น ปลากาดำ ปลาสร้อยขาว ปลาสร้อยนกเขา ซึ่งขณะนี้เริ่มมีจำนวนลดลง ตนจึงนำมาเพาะพันธุ์เพื่อไม่ให้สูญหายไป โดยตนจะใช้วิธีแถมให้ลูกค้าลองไปเลี้ยงก่อน ผลออกมาว่าเมื่อเลี้ยงในบ่อ จะเติบโตเร็วกว่าที่เป็นในลำน้ำ ทำให้สามารถขายปลาชนิดนี้เพิ่มได้อีก