ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th
รัฐบาลเตรียมตั้ง “สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ” ขึ้นมาเซ็ตระบบการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ โดยรวมทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับน้ำเข้ามาทำงานร่วมกันภายในหน่วยงาน แต่ไม่ใช่เรื่องใหม่ของการแก้ปัญหาน้ำของประเทศไทย
จากสถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่จังหวัดทางภาคอีสานล่าสุด ทำให้รัฐบาลตัดสินใจ ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อจะจัดตั้ง “สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ” รวบทุกหน่วยงาน ที่มีภารกิจทำหน้าที่บริหารจัดการน้ำ ทั้งน้ำท่วม น้ำแล้ง มาไว้ที่สำนักงานแห่งนี้ซึ่งจะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักนายกรัฐมนตรีโดยตรง
แนวคิดนี้ เคยเกิดขึ้นมาแล้วในการบริหารจัดการน้ำ เมื่อปี 2531 ยุคที่ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งการรวมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำทั้งหมด ให้อยู่ภายใต้สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่เป็นเรื่องใหม่ในการบริหารจัดการน้ำของประเทศไทย
หากย้อนไปก่อนหน้านี้ 1 รัฐบาล ในยุคที่มีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ในปี 2554 มีการรื้อกระบวนทัพหน่วยงานน้ำทั้งหมด เริ่มตั้งแต่การออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และตั้งคณะกรรมการ กยน. ขึ้นมาทำเพื่อทำแผนใหญ่
ถัดมามีการออกระเบียบสำนักนายกว่าด้วยการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ และมีการตั้ง “สํานักงานนโยบายและบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ” หรือ สบอช. ปฏิบัติการอยู่ภายในตึกแดง ทำเนียบรัฐบาล ที่ใช้ระบบ ซิงเกิลคอมมานด์ หรือ การสั่งการจากหน่วยงานเดียว ในการแก้ไขปัญหา
ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาอีก 2 ชุด คือ คณะกรรมการนโยบายน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ หรือ กนอช. ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และ คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย หรือ กบอ. ที่มี นาย ปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรีขณะนั้นเป็นประธาน กบอ. ที่มีแนวทางการดำเนินการแก้ไขปัญหาอุทกภัย 249 โครงการ รวมงบประมาณกว่า 4.1 หมื่นล้านบาท
และที่ถูกจับตาอย่างมาก คือ การออกระเบียบสํานักนายกฯว่าด้วยการบริหารโครงการและการใช้จ่ายเงินกู้เพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ ที่นำไปสู่การออกพระราชกำหนดกู้เงิน 3.5 แสนล้านบาท เปิดให้เอกชนประมูลเข้ามาทำโครงการป้องน้ำท่วมทั้งประเทศ ที่สุดท้ายต้องสะดุดเพราะศาลมีคำสั่งให้รับความคิดเห็นประชาชนก่อนทำโครงการ
และเมื่อ คสช.ทำการยึดอำนาจเมื่อ 22 ก.ค. 2557 “สํานักงานนโยบายและบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ” ก็โดนมาตรา 44 สั่งให้โอนย้าย ออกจากสำนักนายกฯ ไปสังกัดกรมทรัพยากรน้ำ
จากนี้คงต้องจับตาว่าโมเดลการแก้ปัญหาบริหารจัดการน้ำภายใต้คำสั่งมาตรา 44 ที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยมี “สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ” เป็นเจ้าภาพหลัก จะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ลดความซ้ำซ้อน และคุ้มค่ากับงบประมาณเพียงใด
[embed]https://youtu.be/oAQg2X5ITdY[/embed]