ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th
ที่นี่ไม่มีความลับ
โดย...เอราวัณ
ให้ “กรรม”ตัดสินจำนำข้าว อย่ากดดันศาล
จุดศูนย์กลางทางการเมืองในเวลานี้ไปหยุดอยู่ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่กำหนดออกนั่งบัลลังก์ อ่านคำพิพากษาประวัติศาสตร์คดีสำคัญ 2 คดี คือคดีขายข้าวแบบจีทูจี ซึ่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้ว่าเป็นการฉ้อฉล (โกง) มีจำเลย 28 รายที่กำลังจะถูกพิพากษา ที่สำคัญคือ บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ และ ภูมิ สาระผล อดีตรมช.พาณิชย์
บุญทรง เตริยาภิรมย์
ภูมิ สาระผล
อีกคดีคือการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 แห่งประมวลกฎหมายอาญา จำเลยคนสำคัญ คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศ ไทยจึงรอคำตอบจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่าจะพิพากษาอย่างไร
ไม่ต้องคิดมาก 25 สิงหาคม มีทางเดินแค่ 4 ทาง คือ 1.พิพากษา ยกฟ้อง แปลว่า ไม่ผิด 2.พิพากษาว่า ผิด แต่ความผิดที่ต้องติดคุกให้รอลง อาญา (แปลว่าไม่ติดคุกจริง) 3.พิพากษาว่า ผิดและลงโทษติดคุกจริง และ 4.หนี คำพิพากษา คือไม่ปรากฏตัวรับฟังคำพิพากษา ทั้งหมดอยู่ที่ดุลพินิจของเปาบุ้นจิ้นทั้ง 9 ของ 2 คดี และอยู่ที่ “กรรม” ของแต่ละคนที่สร้างมา การไปเชียร์ หรือกระทำการใดๆ ที่เป็นการกดดันศาลจึงไม่มีประโยชน์ เพราะทุกสิ่งล้วนเกิดแต่ “กรรม” หรือการกระทำแห่งตน
ที่ควรคือให้ผู้พิพากษาใช้ดุลพินิจอย่างอิสระ เพราะขณะนี้ใน 3 อำนาจ คือ นิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ หัวใจหลักในการปกครองระบอบประชาธิปไตย เหลือเพียง “อำนาจตุลาการ” เท่านั้นที่เป็นหลักยึด ที่ทำให้มี “นิติรัฐ” ให้สังคมยังเดินอยู่อย่างมีกติกา
รักใครชอบใครเป็นเรื่องที่ห้ามกันไม่ได้และคงไม่มีใครไปลบล้างความรักความชอบได้ แต่ทุกคนต้อง “ปล่อยวาง” ให้สถาบันตุลาการทำหน้าที่ได้เต็มที่เถิด...
คอลัมน์ : ที่นี่ไม่มีความลับ/ หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ/ ฉบับ 3290 ระหว่างวันที่ 24-26 ส.ค.2560