svasdssvasds

ย้อนตำนาน Maserati จากงานศิลปะเคลื่อนที่ กับการก้าวเข้าสู่ยุค EV

ย้อนตำนาน Maserati จากงานศิลปะเคลื่อนที่ กับการก้าวเข้าสู่ยุค EV

ประวัติ Maserati จากงานคราฟท์เคลื่อนที่ได้สู่นวัตกรรมอัดแน่นเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและมีโจทย์ต้องคงอัตลักษณ์ของตัวเองเอาไว้ในยุคที่รถยนต์ไฟฟ้ามาแรง

SHORT CUT

  • Maserati เป็นรถที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน และได้รับการยอมรับว่าเป็นรถยนต์ที่ยอดเยี่ยมอันดับต้นๆ ของยุโรป
  • Maserati คือความภาคภูมิใจของอิตาลี เป็นรถยนต์ที่ได้รับการยอมรับ และเป็นที่นิยมสำหรับเซเลบทั่วโลก
  • แต่ในวันที่ตลาด EV กำลังแข่งขันเดือดจนรถยนต์สันดาปต้องปรับตัว Maserati จึงต้องปรับตัวเช่นกัน และที่สำคัญต้องรักษาความเป็นตัวตนของตนเองทั้งเสียงเครื่อยนต์ และความแรง ในวันที่ตลาดรถยนต์ถูกพายุ EV โหมอย่างหนัก

ประวัติ Maserati จากงานคราฟท์เคลื่อนที่ได้สู่นวัตกรรมอัดแน่นเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและมีโจทย์ต้องคงอัตลักษณ์ของตัวเองเอาไว้ในยุคที่รถยนต์ไฟฟ้ามาแรง

Maserati รถยนต์แบรนด์ดังจากประเทศอิตาลีที่มีประวัติยาวนานกว่าร้อยปี เจ้าของสมญานามศิลปะเคลื่อนที่ผลิตรถจากมือ และมีเสียงลุ่มลึกถูกใจทั้งคุณผู้ชายและคุณผู้หญิงจนถูกพูดถึงสำหรับแฟนๆ รถยนต์ทุกยุคทุกสมัย เพราะหากมีโอกาสก็อยากจะลองใช้

แต่เมื่อเทรนด์โลกเปลี่ยนไปรถ EV บุกตลาดกำลังมาแทนที่รถสันดาป Maserati เองก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย จนแฟนๆ เกิดความ เอ๊ะ ว่าจะทิ้งตัวตนเรื่องความละมุนของเสียงหรือไม่

ร่วมหาคำตอบไปพร้อมๆ กันกับ SPRiNG

ย้อนตำนาน Maserati จากงานศิลปะเคลื่อนที่ กับการก้าวเข้าสู่ยุค EV

Maserati จากอู่รถเล็กๆ สู่หัวเทียนแห่งกองทัพอิตาลี

แน่นอนว่าความเป็นแบรนด์ Maserati ที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน ก่อตั้งขึ้นในวันที่ 1 ธันวาคม 1914 จากการร่วมมือกันของ Alfieri, Ettore และ Ernesto 3 พี่น้องด้วยการเปิดร้านซ่อมรถ (car workshop) ที่มีชื่อว่า “Società Anonima Officine Alfieri Maserati” ณ เมืองโบโลญญา ประเทศอิตาลี

โดยการเริ่มต้นทำธุรกิจนั้น เป็นธุรกิจรับซ่อมรถและผลิตหัวเทียนสตาร์ทรถให้กับรถทั่วๆ ไป แต่เมื่อโลกก้าวเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1และกระโจนเข้าสู่สนามรบรัฐบาลอิตาลีเองมีนโยบายให้เอกชนผลิตชิ้นส่วนให้กับกองทัพในการทำสงคราม อู่ซ่อมรถของพี่น้อง Merserati ได้ถูกขอแกมบังคับให้ผลิตชิ้นส่วนหัวเทียนป้อนให้กับกองทัพอิตาลีด้วย

ย้อนตำนาน Maserati จากงานศิลปะเคลื่อนที่ กับการก้าวเข้าสู่ยุค EV

Maserati ในวันที่ไร้สงคราม

หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 จบลง Merserati ก้าวสู่ความอิสระอีกครั้งจึงเริ่มมีการพัฒนาจากร้านซ่อมรถสู่การผลิตเครื่องยนต์รถยนต์ และต่อยอดผลิตรถยนต์เป็นของตนเองโดยรุ่นแรกที่ผลิตมีชื่อว่า TIPO 26 เป็นรถยนต์ที่สำหรับเอาไว้แข่งขันนั่นเอง

ย้อนตำนาน Maserati จากงานศิลปะเคลื่อนที่ กับการก้าวเข้าสู่ยุค EV

โดยมีเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร 1,500 ซีซี ติดตั้งระบบอัดอากาศด้วยตัวอัดอากาศแบบซุปเปอร์ชาร์จ ให้กำลัง 120 แรงม้า มีน้ำหนักเพียง 760 กิโลกรัม 

และในปี 1929 ช่วงฤดูร้อน ณ อิตาลี ซึ่งคงไม่ร้อนเท่าประเทศไทย ที่เมืองเครโมนา ประเทศอิตาลี Merserati ได้ผลิตเครื่องยนต์รถแข่งแบบ V4 16 สูบ มีความจุ 3,961 ซีซี เครื่องยนต์สามารถให้กำลังได้มากถึง 280 แรงม้า ทำความเร็วต่อเนื่องได้ถึง 246 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อนักแข่งอิตาลีได้นำเจ้าเครื่องยนต์ดังกล่าวเข้าสู่การแข่งขันและสร้างสถิติโลกใหม่ในรายการ Class C ด้วยการใช้ รถมาเซราติ Tipo 26 ทำให้ในยุคนั้นชื่อเสียงของ Merserati เป็นที่เรื่องลือ

Maserati อิตาลี ปะทะ Benz เยอรมัน

ในปี 1934  AUTO UNION MERCEDES BENZ หรือ เบนซ์ บริษัทรถยนต์สัญชาติเยอรมนี ได้เปิดตัวรถยนต์ส่งรถแข่งสู่สนามแข่ง โดยมี ฮิตเลอร์ ผู้นำสูงสุดแห่งเยอรมนี ณ ขณะนั้น ให้การสนับสนุนทางการเงินอย่างเต็มที่ แต่ก็ยังไม่สามารถชนะรถแข่งจากชาติอิตาลี อย่าง Merserati ได้เลย

ย้อนตำนาน Maserati จากงานศิลปะเคลื่อนที่ กับการก้าวเข้าสู่ยุค EV

จนสร้างความฮือฮาให้กับวงการรถยนต์และรถแข่งในยุโรปเป็นอย่างมาก นับตั้งแต่นั้นมา Merserati และ Benz ต่างพัฒนารถแข่งของตนเองออกมาเรื่อยๆ และผลัดกันแพ้ชนะตลอดมา

Maserati ในสนามรถยนต์ซีดาน

เอาเข้าจริงแล้วนั้น Maserati เองก็ไม่ได้ผลิตแต่รถแข่งเครื่องแรงๆ เท่านั้น แต่ยังผลิตรถยนต์ซีดาน ที่สร้างความสะดุดตาจนใครๆ อยากเป็นเจ้าของอีกด้วย

เจ้ารถยนต์ที่ว่าคือ Quattroporte แปลว่า 4 ประตู สื่อถึงความสบาย หรูหรา กว้างขวาง เข้ากับความเร็วและแรง สมรรถนะสูงแบบรถแข่ง ซึ่งไม่ใช่เรื่อง่ายที่จะมีเทคโนโลยีเอื้อในการผลิตรถยนต์ในยุคนั้น ทำให้รถรุ่นนี้คือผู้บุกเบิกตลาดอย่างแท้จริง ตัวถังรถเองมีดีไซน์หรูหรา การตกแต่งภายในก็ประณีตเก็บทุกรายละเอียด เรียกได้ว่าเป็นห้องนั่งเล่นเคลื่อนที่ในยุคนั้นได้เลยทีเดียว

ย้อนตำนาน Maserati จากงานศิลปะเคลื่อนที่ กับการก้าวเข้าสู่ยุค EV

ซึ่งรถยนต์รุ่นนี้เรียกว่าถูกอกถูกใจเซเลบหลายๆ คนเราจะเห็นได้จากราชวงศ์ทั่วโลกมีการใช้รถยนต์ยี่ห้อนี้รวมถึงในงานปูพรหมแดงต่างๆ จะเห็นราชรถที่มาเกยพรหมแดงในบางครั้งก็มี Merserati เข้าไปแจมในงานอีกด้วย

Maserati ในวันที่ต้องปรับตัวสู่สนาม EV

แต่กระนั้นสถานการณ์โลกเปลี่ยนไป เทรนด์กระการใช้รถยนต์ EV กำลังมาแรงจนค่ายรถยนต์สันดาปหลายๆ ค่ายต้องผันตัวมาผลิตรถยนต์ EV รถยนต์ Merserati เองก็ต้องผันตัวมาผลิตรถยนต์ EV เช่นกัน

ในปี 2024 เปิดตัว รถยนต์ Maserati Grecale Folgore ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าโดยเป็นรถยนต์ที่เสิร์ฟจากอิตาลีโดยตรงนำเข้าสู่ประเทศไทย ตัวกระจังหน้าของเจ้ารถยนต์คันนี้ถูกออกแบบให้ระบายอากาศได้อีกด้วย

ย้อนตำนาน Maserati จากงานศิลปะเคลื่อนที่ กับการก้าวเข้าสู่ยุค EV

และที่สำคัญ Maserati ไม่ทิ้งความเป็น DNA ของตัวเอง นั่นคือเสียงของเครื่องยนต์ที่ดังละมุนหู ทำให้ผู้ใช้ติดใจ ดังนั้นจึงได้นำเทคโนโลยีระบบเสียงที่ทำให้คล้ายเครื่องยนต์ของ Maserati มาใส่ให้เจ้ารถคันนี้ ทำให้ผู้ที่ติดอกติดใจเสียงและสมรรถนะของ Maserati ไม่ต้องกังวลใจหากเปลี่ยนจากรถสันดาปเป็นรถยนต์ EV จะให้เสียงที่หลงไหลหายไปจนไร้ความเป็น Maserati

เทคโนโลยีที่น่าสนใจ

เทคโนโลยีระบบความบันเทิงในรถ จะช่วยสร้างความสุนทรีย์และสมรรถนะด้านดิจิทัลที่เหนือระดับให้กับผู้ขับขี่และ

ผู้โดยสาร การใช้งานระบบดิจิทัลถูกรังสรรค์ขึ้นเพื่ออ านวยความสะดวกให้กับผู้ขับขี่โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นจอตรงกลางขนาดใหญ่ 12.3 นิ้วแบบทัชสกรีน (เชื่อมต่อได้ 100%) และจอขนาด 8.8 นิ้วที่ออกแบบมาให้เหมาะกับสรีระผู้ใช้ ถูกติดตั้งไว้ในตำแหน่งที่ใช้งานและควบคุมได้ง่าย

ย้อนตำนาน Maserati จากงานศิลปะเคลื่อนที่ กับการก้าวเข้าสู่ยุค EV

มีระบบควบคุมอุณหภูมิที่ใช้งานง่ายและรวดเร็ว ระบบควบคุมใหม่นี้ถูกออกแบบมาเพื่อมาเซราติช่วยให้ปรับอุณหภูมิและความแรงของพัดลมได้ทันที โดยไม่ต้องละสายตาจากท้องถนนนอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ในไม่กี่วินาทีเพื่อให้ใช้งาน Apple CarPlay, Android Auto และ Baidu CarLife ได้อย่างรวดเร็ว ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ถึง 2 เครื่อง

ด้านหน้าของรถมีนาฬิกาดิจิทัลใช้ระบบสั่งการด้วยเสียงเพื่อปรับอุณหภูมิ เชื่อมต่อกับอุปกรณ์สื่อสาร ระบบนำทาง ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ (MIA – Maserati Intelligent Assistant) ถูกปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อสร้างประสบการณ์ในการใช้งานที่น่าประทับใจ และสร้างกราฟิกที่โดดเด่นอีกด้วย

Maserati กับเรื่องท้าทายในตลาดไทย

SPRiNG ได้มีโอกาสพูดคุยกับ คุณแฮมดี แอลฌองตูรี Head of Maserati Overseas Region และ คุณปิยะเทพ ศิวากาศ Director of Operations มาเซราติ ประเทศไทย ได้ให้มุมมองเกี่ยวกับตลาดรถยนต์ Maserati ว่า ตลาดไทยนั้นเป็นตลาดสำคัญนภูมิภาค และเอาจริงแล้ว Maserati ไม่ค่อยหวั่นใจเรื่องรถยนต์จากจีนมาแย่งตลาด เพราะว่าลูกค้าเป็นคนละกลุ่มที่แตกต่างกัน

ย้อนตำนาน Maserati จากงานศิลปะเคลื่อนที่ กับการก้าวเข้าสู่ยุค EV

Maserati ไม่ได้แข่งกับ mass market แต่จะมุ่งเน้นสร้างสรรค์ประสบการณ์การขับขี่ ดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร และถึงแม้ว่ายนตรกรรมจะเป็นระบบพลังงานไฟฟ้า ก็ไม่ได้ลดทอนสมรรถนะและประสิทธิภาพในการขับขี่ ผู้ใช้งานจะไม่รู้สึกแตกต่าง เมื่อเทียบกับการขับขี่ยนตรกรรมของมาเซราติที่เป็นเครื่องยนต์สันดาป

ส่วนเรื่องที่คาดหวังคือเรื่องรัฐบาลไทยมีการลดหย่อนภาษีสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า แต่ค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆ ไม่ได้มีการปรับลด เนื่องจาก Maserati ยังยืนยันในพันธกิจที่จะผลิตทุกชิ้นส่วนของรถทุกคันในอิตาลี เพื่อรักษามาตรฐานให้ยังคงระดับมาตรฐานของแบรนด์ให้เท่ากันทั่วโลก

ในด้านความท้าทาย Maserati ไม่ได้มองว่าการมีรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในตลาดเป็นความท้าทาย กลับกันเลือกจะเดินตามกลยุทธ์ของตัวเอง สิ่งที่รักษาเอกลักษณ์ให้กับแบรนด์ได้ดีคือตัวแบรนด์อันแข็งแกร่ง มาเซราติเน้นความเป็นอิตาลี 100% และความเป็นลักชัวรีตามคอนเซ็ปต์ของแบรนด์

ย้อนตำนาน Maserati จากงานศิลปะเคลื่อนที่ กับการก้าวเข้าสู่ยุค EV

จะเห็นได้ว่า Maserati เริ่มมีการปรับตัวมากขึ้นโดยที่กระโจนเข้าสู่สนาม EV และพยายามดึง DNA ของตนเองนั่นคือปรวัติศาสตร์ความเป็นมาและเรื่องเสียงที่ดึงดูดผู้ใช้เข้ามาหาตนเอง แต่ต้องดูว่า Maserati

จะสามารถรักษาตัวตนของตนเองได้มากน้อยแค่ไหน เพราะในสนาม EV ยังอีกไกลที่จะบอกว่าความชัดเจน หรือจุดขายอะไรที่สำคัญในการครองตลาด

ที่มา

Rabbitcare / Autofun / SimStation / MotorRist / Maserati /

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related