svasdssvasds

อีก 5-10 ปี “สาย USB” จะล้าสมัย “ไร้ค่าและไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป”

อีก 5-10 ปี “สาย USB” จะล้าสมัย “ไร้ค่าและไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป”

ปัจจุบันสาย USB เริ่มถูกเทคโนโลยีไร้สายทดแทนเกือบจะทั้งหมด ถึงแม้จะถูกพัฒนาไปเป็น USB-C แล้วก็ตาม สังเกตได้จากเทคโนโลยีใหม่ๆเริ่มออกแบบให้ไร้สาย ยักษ์ใหญ่แห่งวงการสมาร์ทโฟนอย่าง Apple กับ Samsung รุ่นใหม่ๆได้นำสายชาร์จ USB ออกไปจากกล่องสินค้าแล้ว

เรื่องราวและประวัติก่อนจะมาเป็น USB ในปัจจุบันนี้

อีก 5-10 ปี “สาย USB” จะล้าสมัย “ไร้ค่าและไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป”

หากคุณทันในยุคที่คอมพิวเตอร์ (PC) รุ่นแรกๆ อย่าง Intel Pentium การเชื่อมต่อทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเมาส์ , คีย์บอร์ด จะใช้รูเสียบแยกกัน ไม่ใช่ USB เหมือนในปัจจุบัน รวมถึงจอยเล่นเกม , เครื่องพิมพ์ปริ้นเตอร์ก็ใช้ลักษณะสายที่แตกต่างกันในแต่ละอุปกรณ์ ไม่เหมือนในปัจจุบันที่อะไรๆก็เสียบสาย USB

ยกตัวอย่าง USB Flash Drive ที่ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงให้ Floopy Disk หรือ CD-ROM , DVD หายไป เนื่องจากความสะดวกสบายในการเก็บและย้ายข้อมูลต่างๆ สามารถเสียบได้ผ่านรู USB ทั้งหมด รวมถึงการเสียบ USB WiFi Adapter ซึ่งทำให้เห็นว่า USB ยังเป็นตัวรับสัญญานอินเทอร์เน็ตได้อีก และเมื่อ USB พัฒนาจนมาถึงในปัจจุบัน ทำให้การส่งข้อมูลต่างๆทำได้รวดเร็วยิ่งขึ้น จนปัจจุบันเป็น USB Type C หรือ USB-C

CR.Bytecable

ทำไม? ในอนาคต “USB” จึงอาจจะหายไปหรือถูกเลิกใช้

เพราะเทคโนโลยีไร้สายเข้ามาตอบโจทย์ผู้ใช้ได้ดีขึ้นเรื่อยๆ การไม่ใช้สายแต่สามารถส่งข้อมูลได้หลากหลายจึงอาจทำให้คนไม่จำเป็นต้องใช้สาย USB อีกต่อไปแล้ว

เทคโนโลยีที่จะเข้ามาทดแทน และทำให้สาย USB หายไป

บริการฝากข้อมูลบนคลาวด์หรือบนเซิฟเวอร์ (Cloud Server)

อีก 5-10 ปี “สาย USB” จะล้าสมัย “ไร้ค่าและไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป”

สามารถทำได้ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เก็บข้อมูลได้เมล รายชื่อ ปฏิทิน รวมไปถึงไฟล์ขนาดใหญ่ๆ สื่อเพลง ภาพยนตร์ต่างๆไม่จำเป็นต้องใช้สาย USB เสียบเพื่อใช้ข้อมูลอีกต่อไปแล้ว ทุกอย่างสามารถผ่านการดาวน์โหลดหรือดูบนคลาวด์ได้ทันที และหากใช้เก็บข้อมูลไม่เยอะก็สามารถใช้บริการฟรีได้

 

การส่งข้อมูลไร้สาย (Bluetooth ,​NFC , WiFi Direct และ AirDrop)

อีก 5-10 ปี “สาย USB” จะล้าสมัย “ไร้ค่าและไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป”

เทคโนโลยีเหล่านี้ใช้ได้หลากหลายรูปแบบ รวมถึงสามารถโอนถ่ายข้อมูลได้โดยไม่จำเป็นต้องเสียบสาย ยกตัวอย่าง AirDrop ที่สามารถส่งรูปภาพหรือไฟล์ต่างๆจากโทรศัพท์ iPhone เข้า Macbook หรือจาก Macbook เข้า iPhone ได้ทันทีและรวดเร็วแบบไม่ต้องเสียบสาย USB หรืออื่นๆอีกเลย และไม่ว่าจะเป็นงานพิมพ์ ปัจจุบันเครื่องปริ้นเตอร์ก็มีระบบ WiFi แล้ว หรือกล้องดิจิทัลในยุคปัจจุบันก็ไม่จำเป็นต้องเสียบสายโอนถ่ายข้อมูลอีกแล้ว เพราะส่งรูปภาพหรือวีดีโอผ่าน WiFi ได้เลย


ทีวีอัจฉริยะ (Smart TV)

อีก 5-10 ปี “สาย USB” จะล้าสมัย “ไร้ค่าและไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป”

สมาร์ททีวีจะเข้ามาทดแทนระบบเอนเตอร์เทนเมนท์การดูภาพยนตร์หรือวีดีโอต่างๆ ได้ผ่านระบบ AirPlay และ Miracast สามารถเชื่อมต่อและแชร์สกรีนได้บนหน้าจอทีวีหรือจอภาพอื่นๆ ได้โดยไม่ต้องใช้สายอีกต่อไป การฟังเพลงต่างๆที่คุณต้องเคยเสียบสาย USB เข้าเครื่องเล่น ก็ถูกทดแทนด้วยระบบ Bluetooth

และเมื่อ USB ได้ถูกทยอยเลิกใช้ สิ่งต่างๆที่น่าสนใจและอาจเกิดขึ้นเช่น แล็ปท็อปหรือโน๊ตบุ๊คไร้ช่องเสียบ ทำให้บางได้มากกว่าในปัจจุบัน หรือเทียบเท่า Macbook ที่มีเพียง Thunderbolt , อนาคตโทรศัพท์ที่ไม่มีช่องเสียบ อาจทำให้บางขึ้นได้มากกว่าในปัจจุบัน , หลังคอมพิวเตอร์ (PC) ที่ไร้ช่องเสียบ USB

อีก 5-10 ปี “สาย USB” จะล้าสมัย “ไร้ค่าและไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป”

สังเกตได้ว่าในปัจจุบันเราได้เลิกใช้ USB เสียบเพื่อฟังเพลงตามเล่นเครื่องเล่นต่างๆ และหันมาใช้บลูทูธและสตรีมมิ่งออนไลน์แทนเช่น Spotify , JOOX , Apple Music เป็นต้น หรือการใช้หรือชาร์จโทรศัพท์บนรถก็มีทั้งการชาร์จไร้สาย (Wireless Charging) และหน้าจออัจฉริยะ Android Auto , Apple CarPlay เข้ามาแทนที่การเสียบสาย USB หรือเสียบ Flash Drive แบบเดิมๆ

อีก 5-10 ปี “สาย USB” จะล้าสมัย “ไร้ค่าและไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป”

ถึงแม้จะมีเทคโนโลยีไร้สายต่างๆเข้ามาสามารถทดแทนการใช้ USB เป็นจำนวนมาก แต่ยังมีอีกหลายอย่างที่จำเป็นต่อการใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆ เช่นการชาร์จแบตเตอรี่ , การโอนถ่ายข้อมูลเป็นจำนวนมากๆ และใช้เวลานาน การติดตั้งโปรแกรมต่างๆ หรืออัปเดตซอฟต์แวร์ ทำให้ USB อาจใช้เวลาเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีไร้สาย และอาจจะหายไปใน 5-10 ปีข้างหน้า

related