นอกเหนือจาก ‘เกาะมินดาเนา’ ทางตอนใต้ของ ‘ฟิลิปปินส์’ ที่ต้องรับมือกับภัยคุกคามจากกลุ่มก่อการร้ายแล้ว ที่ ‘มาเลเซีย’ เอง รัฐบาลก็ยอมรับว่า ‘มาเลเซีย’ จะเผชิญภัยก่อการร้ายในปี 2561 มากขึ้น
หัวหน้าหน่วยตำรวจต่อต้านก่อการร้ายแห่งชาติมาเลเซีย ยอมรับว่า แม้กลุ่มก่อการร้ายรัฐอิสลาม หรือ ‘ไอเอส’ จะสูญเสียการครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่ในตะวันออกกลาง แต่ปัญหากลุ่มติดอาวุธยังเป็นภัยคุกคามสำคัญที่สุดของ ‘มาเลเซีย’ สำหรับปี 2561 นี้ เนื่องจากการเผยแพร่แนวคิดหัวรุนแรงก่อให้เกิดสมาชิกก่อการร้ายเพิ่มขึ้น และต้องยอมรับว่า มี ‘ชาวมาเลเซีย’ ที่ไปเข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่ม ‘ไอเอส’ ด้วยหลายคน
ข้อมูลจากตำรวจมาเลเซีย เปิดเผยว่า เฉพาะปี 2560 มีผู้ต้องสงสัยเกี่ยวพันกับการก่อการร้าย ถูกจับกุมตัวในมาเลเซียราว 105 คน ถือว่าลดลงจาก 119 คน ในปีก่อนหน้า ซึ่งตามข้อมูลยังพบว่า ชาวมาเลเซียที่เข้าร่วมกับ ‘ไอเอส’ 53 คน อยู่ในซีเรีย ส่วนอีก 34 คน เสียชีวิตระหว่างร่วมสู้รบกับ ‘ไอเอส’ นอกจากนี้ ยังพบชาวมาเลเซียอย่างน้อย 5 คน เดินทางไปเกาะมินดาเนา ประเทศฟิลิปปินส์ เพื่อร่วมกลุ่มมาอูเต ต่อสู้กับกองทัพฟิลิปปินส์ด้วย
ขณะที่ ปี 2560 ทางการมาเลเซียสกัดแผนก่อการร้ายในประเทศได้ทั้งหมด 5 ครั้ง ทำให้รวมแล้วในช่วงปี 2555 ถึง 2560 ทางการสกัดแผนก่อการร้ายได้มากถึง 19 ครั้ง
หัวหน้าหน่วยตำรวจต่อต้านก่อการร้ายแห่งชาติ ระบุว่า กลุ่มติดอาวุธและกลุ่มก่อการร้ายส่วนใหญ่ มอง ‘มาเลเซีย’ เป็นเส้นทางผ่านแดนและที่กบดาน ขณะที่ นักวิเคราะห์ มองว่า กลุ่มก่อการร้ายเลือกเดินทางไปมาเลเซีย เพราะไม่มีข้อกำหนดเกี่ยวกับวีซ่าสำหรับประเทศสมาชิกองค์การความร่วมมืออิสลาม
โดยเมื่อปีที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีของมาเลเซียปฏิเสธข้อเสนอจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ว่าด้วยข้อกำหนดเก่ียวกับวีซ่าสำหรับผู้ที่เดินทางมาจากตะวันออกกลาง แต่ไม่ได้มีการระบุพูดถึงเหตุผลของการปฏิเสธอย่างชัดเจน