กลายเป็นประเด็นร้อนแรงบนโลกโซเชียลกับ #ทวงPfizerให้หน่วยด่านหน้า หลังออกเกณฑ์ในการกำหนดฉีดวัคซีนให้บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ชาวเน็ตวิจารณ์สนั่นพร้อมตั้งคำถามหนัก บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าที่มีความเสี่ยง ควรที่จะได้รับวัคซีนที่มีประสิทธิภาพทั้งหมด
จากกรณีที่ประเทศไทยได้รับ วัคซีนไฟเซอร์ จากสหรัฐอเมริกา จำนวน 1.5 ล้านโดส เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 30 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยมีนาย อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมคณะ ได้ไปรับมอบวัคซีน และต่อมาทาง มติการประชุมคณะทำงานด้านบริหารการจัดการการให้บริการวัคซีนโควิดไฟเซอร์ ได้ออกเกณฑ์ด่านหน้าที่เข้าเกณฑ์รับวัคซีนไฟเซอร์ออกมา ซึ่งทำให้โลกโซเชียลแสดงความคิดเห็นที่ไม่เห็นด้วยเป็นอย่างมาก และได้แห่ขึ้น #ทวงPfizerให้หน่วยด่านหน้า บนทวิตเตอร์
โดยมติการประชุมคณะทำงานด้านบริหารการจัดการการให้บริการวัคซีนโควิดไฟเซอร์ ณ กรมควบคุมโรค มีดังนี้
เกณฑ์การจัดสรรวัคซีน Pfizer ลอต 1.5 ล้านโดส สำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข
บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ที่ไม่เข้าเกณฑ์รับวัคน Pfizer ในลอตนี้ ได้แก่
การดำเนินการจัดสรรวัคซีน Pfizer ลอต 1.5 ล้านโดสสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข
ㆍ จัดสรรเพื่อเป็นเข็มกระตุ้นเท่านั้น ไม่มีเริ่มเข็ม 1
ㆍสำรวจจำนวนผู้ต้องการฉีดวัคซีน Pfizer ในแต่ละจังหวัดโดยดูจากจำนวนรายชื่อที่ส่งมาจากแต่ละโรงพยาบาล/จังหวัด
ㆍการกระจายและจุดให้บริการวัคชีน Pfizer
- 76 จังหวัด ส่งไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเพื่อให้บริการที่รพศ/รพท. และรพ.ที่กำหนด
- กรุงเทพมหานคร ประสานสำนักอนามัย เพื่อส่งวัคซีนไป ณ รพ.รัฐและเอกชน ที่ คร กำหนด
ㆍให้โรงพยาบาลแต่ละแห่งแสดง/ประกาศจำนวนบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้รับการฉีดวัคซีน Pfizer ต่อ สาธารณชนเพื่อความโปร่งใส
จากเกณฑ์ดังกล่าว นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ก็ได้โพสต์ทวิตเตอร์แสดงความคิดเห็นกับการจัดสรรไฟเซอร์ให้ด่านหน้าระบุว่า เกณฑ์การจัดสรรวัคซีนให้บุคลากรด่านหน้าที่ควรจะเป็น
Sinovac 2 เข็ม —> Pfizer 2 โดส
Sinovac 1 เข็ม —> Pfizer 2 โดส
ยังไม่ได้รับวัคซีน —> Pfizer 2 โดส
AstraZeneca 1 เข็ม —> Pfizer 1 โดส
"ถ้าทหารได้รับการดูแลเป็นพิเศษในช่วงการทำรัฐประหาร ตอนนี้บุคลากรด่านหน้าของเราต้องได้มากกว่าครับ"
ซึ่งนอกจากนี้ นพ.ศุภโชค เกิดลาภ อาจารย์ประจำภาคอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์เฟซบุ๊ก Suppachok NeungPeu Kirdlarp ระบุว่า "มีข้อสังเกตข้อเดียวว่า ทำไมไม่ให้ฉีดกระตุ้นในคนที่เคยได้ Astra 1 เข็มด้วย Pfizer (bullet ที่4) เพราะเรามีข้อมูลจากการศึกษาในต่างประเทศ เช่น ComCoV study ที่เห็นว่า Astra / Pfizer มีความสามารถในการกระตุ้นภูมิต้านทานได้ดี และคิดว่าเทียบเคียง Pfizer ได้จริงๆ (หมายเหตุ ในการศึกษาที่ cite มานี้การวัด NT ทำโดยใช้เป็น surrogate neutralizing antibody ในการศึกษานี้) อยากกราบเรียนฝากกับทางเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องและทางผู้ออก policy ว่า จะเป็นไปได้ไหมครับที่จะให้คนกลุ่มนี้ได้ AstraZeneca 1 เข็ม แล้ว boost ด้วย Pfizer ครับ และส่วนตัวคิดว่าสูตรไขว้ Az+Pfizer เป็นสูตรที่ดีและมีข้อมูลวิจัยที่ solid ชัดเจนที่สุดแล้วในตอนนี้"
ด้าน นาย วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ก็ได้ออกมาโพสต์แสดงความคิดเห็นกับเกณฑ์การได้รับวัคซีนไฟเซอร์ครั้งนี้ว่า "ขอเผือกหน่อยเถอะ พยายามจะโพสต์ลง เฟซบุ๊กให้น้อยลงเพราะเกรงว่าจะใช้ถ้อยคำรุนแรงไป ด่าว่าคนนั้นคนนี้มากไปหรือบ่นมากไป จนคนคิดว่าเราท้อ ถอดใจ แต่ครั้งนี้ขอเผือกสักเรื่องเถอะ เราคิดทำกล่องห่วงใย (ภาคพิเศษ) เพราะทราบจาก ผอ.รพ.ทั้ง 3 อำเภอว่าหมอ พยาบาล รวมทั้งบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อโควิดไปแล้วกว่า 300 คน ไม่นับรวมของ รพ.เอกชน และเจ้าหน้าที่ของสาธารณสุข เลยทำกล่องห่วงใย (ภาคพิเศษ) ไปมอบให้ และคงต้องมอบเพิ่มอีก เมื่อสองสามอาทิตย์ก่อน นึกดีใจที่เห็นส่วนกลางให้สำรวจบุคลากรทางสาธารณสุข ว่ามีจำนวนเท่าไร จะฉีดวัคซีนไฟเซอร์ที่ได้รับจากอเมริกาให้ จะเรียกว่าเป็นเข็มสาม หรือบู๊สเตอร์โด้ส ก็แล้วแต่ ถือเป็นเรื่องน่ายินดี เป็นกำลังใจ แสดงออกถึงความห่วงใยได้ชัดเจน แต่ข่าวที่ออกมาตอนบ่ายวันนี้ กำหนดหลักเกณฑ์การฉีดวัคซีนล็อตนี้มากมาย จนนึกไม่ออกว่าจะเหลือบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้ฉีดวัคซีนชุดกำลังใจนี้กี่คน อย่าลืมนะว่า รพ.หนึ่งแห่ง ทั้งรัฐและเอกชน สำคัญหมดทั้งหมอ พยาบาล จนท. ยาม พลเปล แม่บ้าน รวมไปถึงบุคลากรของสาธารณสุขทุกระดับ ตัวเลขก็มีอยู่แล้ว ตามที่ให้จังหวัดสำรวจไป ยึดตัวเลขนั้นเถอะ ส่วนจะปรับวิธีการฉีดอย่างไร ให้เป็นเรื่องที่คุณหมอในจังหวัดจะคุยกันเอง หลักเกณฑ์เป็นเรื่องที่ดี แต่ในยามศึกสงครามโควิดเยี่ยงนี้ ขวัญกำลังใจของเจ้าหน้าที่ต้องมาก่อน"
ซึ่งเพจดังอย่าง Drama-addict ก็ได้แสดงความคิดเห็นกับเกณฑ์ในครั้งนี้เช่นเดียวกัน จากมิตรสหายแพทย์อายุรกรรมโรคติดเชื้อท่านนึง แนวทางการให้ Pfizer ที่เหมาะสม
1.ให้บุคลากรทุกคนไม่ใช่แค่แพทย์พยาบาลรวมทั้งพนักงานทางด้านสาธารณสุขทุกอย่าง ทั้งที่ดูโควิดและไม่ดูโควิด ( กลุ่มไม่ดูโควิดบางทีเสี่ยงกว่าอีก เพราะไม่รู้สถานะคนไข้ )
2. ให้เพื่อสร้างภูมิขึ้นใหม่ทดแทนภูมิเดิมที่เสียเปล่าป้องกันเดลต้าไม่เพียงพอ
no Vaccine - Pfizer 2
SNV1 - Pfizer 2
SNV2 - Pfizer 2
3. ให้เป็นบูสต์ได้ถ้ามีข้อมูลบูสต์ที่เพียงพอ เป็นที่ยอมรับทั่วโลก : คือ ASZ-Pfizer
ASZ1- Pfizer 1
ASZ2-Pfizer 1
SNV1-ASZ1-Pfizer 1
SNV2-ASZ1-Pfizer 1
แล้วดูเงื่อนไขที่ให้มา มันคือตัดทิ้งออกไปเกือบหมดอ่ะ เหลือ SNV2-Pfizer ( แถมอาจให้แค่ 1 ) ทั้งๆที่ต่อให้ฉีดแบบที่ผมแนะนำ 1.5 ล้าน Doses ยังไงก็พอ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร โพสต์ "ขอเผือกหน่อยเถอะ" ปมฉีดไฟเซอร์ด่านหน้า
บุคลากรทางการแพทย์ โพสต์ ร้องไห้จนไม่มีน้ำตาโดนตัดสิทธิรับ "ไฟเซอร์"
อย่างไรก็ตาม หลังจากเกณฑ์ดังกล่าวได้ออกมานั้น ก็ได้ถูกวิพากษ์ วิจารณ์อย่างหนักบนโลกโซเชียล ชาวเน็ตต่างแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมายกับ #ทวงPfizerให้หน่วยด่านหน้า ต่อการจัดสรรวัคซีน Pfizer ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ที่มีข้อจำกัด และตั้งคำถามมากมายว่าเพราะเหตุใดถึงต้องออกกฎการฉีดวัคซีนให้กลุ่มบุคลากรการแพทย์ ทั้งที่บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าที่มีความเสี่ยง ควรที่จะได้รับวัคซีนที่มีประสิทธิภาพทั้งหมด
เกณฑ์การจัดสรรวัคซีนให้บุคลากรด่านหน้าที่ควรจะเป็น
— Pita Limjaroenrat (@Pita_MFP) July 30, 2021
Sinovac 2 เข็ม —> Pfizer 2 โดส
Sinovac 1 เข็ม —> Pfizer 2 โดส
ยังไม่ได้รับวัคซีน —> Pfizer 2 โดส
AstraZeneca 1 เข็ม —> Pfizer 1 โดส
ถ้าทหารได้รับการดูแลเป็นพิเศษในช่วงการทำรัฐประหาร ตอนนี้บุคลากรด่านหน้าของเราต้องได้มากกว่าครับ https://t.co/4idatbnguM
(พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล)
( วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร)
(นพ.ศุภโชค เกิดลาภ อาจารย์ประจำภาคอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล)
(เพจ Drama-addict )