svasdssvasds

วันตรุษจีนไม่กลับบ้าน คนรุ่นใหม่ขอพักผ่อนส่วนตัว !!!

วันตรุษจีนไม่กลับบ้าน คนรุ่นใหม่ขอพักผ่อนส่วนตัว !!!

‘เพราะความกตัญญูมีค่าใช้จ่าย’ ค่านิยมใหม่ชาวจีน Gen Y ไม่กลับบ้านช่วงวันหยุด เพราะอยากพักผ่อนส่วนตัว ดีกว่ากลับไปทำให้ที่บ้านผิดหวัง

ตรุษจีนทุกปี คือช่วงเวลาที่ชาวจีนเดินทั้งในประเทศ และนอกประเทศต่างเดินทางกลับบ้าน เพื่อไปพบหน้าครอบครัวที่อาจไม่ได้เห็นหน้ากันมาตลอดทั้งปี ทำให้เทศกาลนี้จึงมี หนุ่มสาวชาวจีนที่เข้ามาเป็นแรงงานในเมืองเดินทางกลับบ้านกว่าเป็นจำนวนหลายพันล้านครั้งทุกปี ทำให้วันตรุษมีอีกชื่อที่ไม่เป็นทางการว่า “วันอพยพครั้งใหญ่” ของชาวจีนทั่วโลก

สำหรับเทศกาลตรุษจีนนั้น นอกจากจะมีการจับจ่าย ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เสริมสิริมงคลแล้ว ยังมีธรรมเนียมรับประทานอารร่วมกับญาติผู้ใหญ่ ซึ่งอาจเป็นช่วงเวลาเดียวในรอบปี ที่สมาชิกในครอบครัวได้อยู่กันพร้อมหน้า และพูดคุยกันอย่างใกล้ชิด ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันกับสู่สังคมของตัวเองเมื่อสิ้นสุดเทศกาล

ทว่าค่านิยมเดิมนั้น อาจถึงคราวเปลี่ยนแปลง เพราะปัจจุบันประเทศจีนห่างไกลจากความเป็นจีนในสมัยก่อนพอสมควร เนื่องจาก กลุ่มคนจีน Gen Y หรือที่เรียกว่าชาว “มิลเลนเนียล” (อายุ 28- 43ปี) ซึ่งมีจำนวน 400 ล้านคน ที่คิดเป็น 30% ของจำนวนประชากรโดยรวมทั้งประเทศนั้น เติบโตมากับยุคที่จีนมีความเฟื่องฟู ซึ่งทำให้คนรุ่นนี้ส่วนใหญ่ ได้รับการศึกษาระดับวิทยาลัย และเป็นลูกคนเดียวในครอบครัว ทำให้พวกเขาไม่ได้ยึดติดกับตำนานความเชื่อเก่าๆ เหมือนกับบรรพบุรุษ และการละเลยค่านิยมเดียวกับพ่อแม่นี้เองก็ทำให้กิจกรรมในวันตรุษจีนของพวกเขาต่างออกไป

วันตรุษจีนไม่กลับบ้าน คนรุ่นใหม่ขอพักผ่อนส่วนตัว !!!

ผลก็คือหนุ่มสาวชาวจีนหลายคนในวันนี้ มองว่าเทศกาลนี้เป็นเพียงวันหยุดยาวที่ไม่จำเป็นต้องใช้กับครอบครัวก็ได้ ซึ่งประเด็นนี้ก็มีคนรุ่นใหม่ไปตั้งกระทู้ถามใน “Mafengwo” เว็บไซต์ท่องเที่ยวของจีนว่า การอยากพักผ่อนเพียงลำพังในวันตรุษจีน ถือเป็นความอกตัญญูหรือไม่ ซึ่งผู้ที่มาตอบกระทู้ส่วนใหญ่บอกว่า “ไม่” และโพสต์ดังกล่าวก็มีเข้าชมมากกว่าหนึ่งล้านครั้งและมีคำตอบมากกว่า 6,000 คำตอบ

ประเด็นนี้ อาจเป็นเพราะคนรุ่นใหม่ มีความสัมพันธ์ที่ห่างเหินจากครอบครัว ซึ่งเป็นผลพวงมาจากการขยายตัวของเมือง และแนวคิดแบบยืดหยุ่นของยุคสมัย ที่เข้ามาบั่นทอนความสัมพันธ์แบบครอบครัว นอกจากนี้การที่คนเฒ่าคนแก่ชอบสั่งสอนและก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของลูกหลานมากเกินไป ก็ทำให้มีคนหนุ่มสาวเริ่มเมินหน้าหนีจากค่านิยมเดิมๆ ในวันตรุษมากขึ้นเรื่อยๆ

นอกจากนี้ การที่คนหนุ่มสาวชาวจีนเลือกทิ้งชีวิตในบ้านเกิด เพื่อมาแสวงหาโอกาสที่ดีกว่าในเมือง ก็ทำให้พวกเขา มีวิถีชีวิตแบบปัจเจกบุคคลบุคคลมากขึ้น ประกอบกับความเครียดที่ต้องใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ ทำให้พวกเขามีเวลาน้อย รวมถึงไม่มีความอยากที่จะไปทานอาหารรวมกับครอบครัวในวันหยุดอีกด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น จากการสำรวจของ มหาวิทยาลัยหนานจิงในภาคตะวันออกของจีนในปี 2565 ยังพบว่าหนุ่มสาวที่มาอายุระหว่าง 18 -30 ปี มีปฏิสัมพันธ์กับญาติพี่น้องที่มีอายุมากกว่าพวกเขา และผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ที่เกิดหลังปี 1990 มีปฏิสัมพันธ์กับญาติของตน "เป็นครั้งคราว" เท่านั้น โดยหนึ่งในผู้ตอบแบบสอบถามระบุถึงเหตุผลที่ไม่อยากกลับบ้านในวันหยุดว่า โดนครอบครัวถามจุกจิกมากเกินไป เช่น ทำงานอะไร มีรายได้เท่าไหร่ เมื่อไหร่จะแต่งงาน จนรู้สึกเหมือนโดนสอบปากคำจากสายลับ

กลับบ้านช่วงวันตรุษจีน ต้องใช้เงินเยอะ

กลับบ้านช่วงวันตรุษจีน ต้องใช้เงินเยอะ

อีกเหตุผลยอดฮิตของหนุ่มสาวชาวจีนคือ “ไม่มีเงิน” เนื่องจากเศรษฐกิจที่ชะลอ ทำให้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทต่างๆ ได้เลิกจ้างพนักงานและลดสวัสดิการพนักงานหลายอย่าง และค่าเช่าห้อง ค่าที่พักก็มีการปรับขึ้น จนทำให้ชาวจีนเกือบ 3 ใน 4 ต้องเผชิญกับความกดดันจากค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

จึงส่งผลให้ชาวจีนหลายคนที่คิดจะจัดสรรเงินจำนวนหนึ่งเพื่อกลับไปหาครอบครัว ต้องคิดใหม่ เพราะเมื่อคำนวณค่าตั๋วรถไฟ เสื้อผ้า และของขวัญให้ผู้ใหญ่แล้ว อาจเป็นภาระชีวิต มากกว่าเป็นการพักผ่อน ซึ่งมีการคำนวณว่าหากจะกลับบ้านในช่วงเทศกาลตรุษจีน พร้อมมีของฝากครอบครัวติดมือไปด้วย จะต้องใช้เงินอย่างน้อย 3,000 หยวน (ประมาณ15,153 บาท) ซึ่งเงินเดือนขั้นต่ำของมนุษย์เงินเดือนทั่วไปในประเทศจีนจะอยู่ที่ประมาณ 7,000 หยวน (ประมาณ 35,358. บาท)

เมื่อเป็นแบบนั้น ก็ทำให้ชาวจีนรุ่นใหม่ เลือกพักผ่อนในเมืองที่เต็มไปด้วยแหล่งบันเทิงใกล้ๆ ดีกว่า เพราะหากกลับบ้านโดยที่ไม่มีเงินใส่ซองอั่งเปาพ่อแม่ หรือน้องชายน้องสาว นั่นย่อมหมายถึงกลับไปอย่าง “ผู้แพ้” ซึ่งเรื่องนั้นขัดกับแนวคิด “mianzi” หรือ “การรักษาหน้า” ที่ฝังอยู่ในวัฒนธรรมคนจีนทุกคน

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่คนรุ่นใหม่ทุกคนที่ไม่อยากกลับบ้าน แต่บางครั้งพวกแค่ไม่ได้ยอมกลับด้วยความเต็มใจเท่านั้นเอง ซึ่งอาจทำให้ภาพบรรยากาศความอบอุ่นชื่นมื่นในวันตรุษจีนจะหายไปบ้าง แต่สุดท้ายวันตรุษจีนก็ยังถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ของชาวจีนทั่วโลก และย่อมมีความคึกคักของการเฉลิมเฉลิมฉลอง การจับจ่ายสินค้า และการอพยพกลับคืนถิ่นเกิดขึ้นอยู่ดี เพียงแต่บางครอบครัวอาจต้องปรับตัวและเข้าใจสถานการณ์ของลูกหลานพวกเขาให้มากขึ้นเท่านั้นเอง

ซึ่งแต่ละครอบครัวก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนไปให้ได้เท่านั้นเอง...

related