Ascend Travel กับบทบาท One Stop Service ด้านการเดินทาง

จุดแรกเริ่มที่ทำให้ Ascend Travel โดดเด่นคงหนีไม่พ้นการร่วมมือกับภาครัฐ ในการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ ช่วงโควิด-19 เช่นเดียวกับแพลตฟอร์มท่องเที่ยวอื่นๆ

โดยหลังโควิด-19 มีคนรู้จักแบรนด์เพิ่มขึ้น 400-500% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ทั้งที่บริษัทเปิดมาตั้งแต่ปี 2549 

แม้ว่าหลายแพลตฟอร์มจะเน้นไปที่นักท่องเที่ยวท่องไปทั้งในและต่างประเทศ แต่แอสเซนด์ ทราเวิล เน้นที่กลุ่มธุรกิจแบบ B2B ที่ต้องการหาทริปสำหรับงานสัมมนา ปาร์ตี้ประจำปี ประชุม รวมทั้งมีบริการจองรถเช่า ตั๋วเครื่องบินสำหรับการเดินทางมาเป็นกลุ่มด้วย

โดยแอสเซนด์ ทราเวิล โดดเด่นในเรื่องของการมีที่พักมากกว่า 4 หมื่นแห่งทั่วประเทศและอีก 2 ล้านแห่งทั่วโลก

อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม

• กระทรวงพาณิชย์ ชี้แนวโน้มท่องเที่ยวแบบยั่งยืน แรงดีไม่มีตก !
• ลุยส่งเสริม Net Zero Tourism สู่ท่องเที่ยวยั่งยืน เป็นมิตรสิ่งแวดล้อม
• OR ลงทุนใน Traveloka ขยายธุรกิจท่องเที่ยว ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์อย่างครบวงจร

ความโดดเด่นของบริการ Ascend Travel ที่ต่างจากผู้ให้บริการรายอื่น เช่น การพัฒนาฟีเจอร์การใช้งานหน้าเว็บไซต์ทุกสองสัปดาห์ ระบบรองรับได้ทุกอุปกรณ์โดยไม่ต้องติดตั้งระบบ ออกใบกำกับภาษีได้ เชื่อมต่อระบบ API บนอุปกรณ์ต่างๆ ได้ มีระบบแดชบอร์ดสรุปภาพรวมการเดินทางแบบเรียลไทม์ และรีวิวที่พัก โรงแรม และบริการต่างๆ จากผู้ใช้งานจริง

อีกสิ่งที่แตกต่างจากผู้อื่น คือ หากสถานที่พักนั้น มีการรีวิวถึงสิ่งลี้ลับ สัตว์มารบกวน ก็สามารถแชร์ประสบการณ์นั้นได้เต็มที่ เป็นการให้ข้อมูลที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งานอย่างเต็มที่

ทั้งนี้ แอสเซนด์ ทราเวิล เปิดรับพาร์ทเนอร์เพิ่มเติมในเรื่องของการผู้ประกอบการรายใหญ่และรายย่อย เพื่อสร้างผลกำไรร่วมกัน ทำการตลาด สร้างการรับรู้ เพิ่มช่องทางการขาย เพื่อให้ครอบคลุมผู้ใช้งานมากขึ้น

รวมทั้งยังมีแผนขายตลาดระบบ Open API เพิ่มช่องทางการขาย ส่งเสริมผู้ประกอบการโรงแรมสู่สากลด้วย

โดยขณะนี้ พาร์ทเนอร์ที่มีร่วมกัน เช่น Traveligo, RentConnected เป็นต้น รวมทั้งมีแผนขยายโอกาสทางธุรกิจร่วมกับพาร์ทเนอร์กลุ่มทราเวิลเทคของไทยด้วย