แม้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะไม่มีเงินทุนเท่าหน่วยงานเอกชนหรือททท. แต่สิ่งที่เราพยายามผลักดันคือการนำซอฟต์พาวเวอร์ที่ยังไม่ทรงพลัง มาผลักดันให้สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้
พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ขึ้นพูดเรื่อง Soft Power...เราอยู่จุดไหนในตลาดโลก ในงานสัมมนาอนาคตประเทศไทย : Soft Power ขับเคลื่อนประเทศ? ที่จัดขึ้นโดยสื่อเครือเนชั่น สปริงนิวส์และคมชัดลึก ณ ห้องบอลรูม โรงแรม พูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพฯ
การผลักดันซอฟต์พาวเวอร์จะสนับสนุนประเทศไทยให้เติบโตแบบประเทศอื่นๆ ได้ อย่างไร ทำอย่างไรให้ซอฟต์พาวเวอร์มาซึ่งรายได้ใหม่ๆ สิ่งเหล่านี้ภาครัฐและเอกชนมีแนวคิดที่ไม่เหมือนกัน
ดังนั้น การผลักดันซอฟต์พาวเวอร์แบบมีคุณค่าแต่ไม่ทรงพลัง และจะแปลงสิ่งนี้ใ้ห้เป็นมูลค่าได้อย่างไร สิ่งแรกที่ต้องทราบก่อนคือสิ่งที่ภาครัฐจะผลักดันให้เป็นซอฟต์พาวเวอร์นั้น คือ ซอฟต์พาวเวอร์จริงๆ หรือแค่กระแสที่ฉาบฉวย
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม
ด้วยความที่ประเทศไทยมีวัฒนธรรมและสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่าง ภาครัฐจึงต้องการที่จะผลักดันให้สิ่งที่มีคุณค่าในมุมมองของคนไทย มีมูลค่า เพิ่มขึ้นได้ด้วย เช่น ชาไทย ชุดไทย อาหารไทย มวยไทย เป็นต้น
แม้ว่าซอฟต์พาวเวอร์บางอย่างจะไม่ทรงพลังในต่างประเทศ แต่เราสามารถสร้างการรับรู้หรือสร้างภาพลักษณ์ให้มากขึ้นภายในประเทศ ควบคู่กับซอฟต์พาวเวอร์ที่ทรงพลังและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจจากต่างประเทศได้
โดยนโยบายของแต่ละกระทรวงหรือแต่ละหน่วยงานภาครัฐจะผลักดันก็แล้วแต่แง่มุมอย่างเช่น ประเทศเกาหลี ที่มีการลงทุนอย่างมากทั้งในแง่อาหาร ภาพยนตร์ เพลง แต่ไทยยังมีการลงทุนน้อยเกินไป
ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนการท่องเที่ยวด้วยซอฟต์พาวเวอร์ ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะขับเคลื่อน ประกอบด้วย
ประเทศไทยยังมี ทุเรียน มังคุด ข้าวซอยและกุ้งแม่น้ำ ที่ผลักดันให้เป็นซอฟต์พาวเวอร์สำหรับชาวต่างชาติที่มาไทย
ในปีหน้าคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามา 40 ล้านคน หากเราสามารถสร้างคุณค่า การท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ สร้างประสบการณ์ที่ดีในการเดินทางในแต่ละท้องถิ่นและไปบอกต่อคนในประเทศของเขา นั่นคือโอกาสที่จะเชิญชวนให้คนต่างชาติใหม่ๆ อยากมาเที่ยวไทยมากขึ้นไปอีก