เตรียมปรับค่าจ้างแรงงานฝีมือ ขึ้นตามค่าแรงขั้นต่ำ

  การปรับค่าจ้างขั้นต่ำ ของแรงงานไร้ฝีมือ ส่งผลให้ผู้ประกอบการ ต้องปรับค่าจ้างของแรงงานมีฝีมือตามไปด้วย นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์กรนายจ้างผู้ประกอบการค้าอุตสาหกรรมไทย บอกว่า การขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำจะมีผลต่อการปรับขึ้นค่าจ้างของแรงงาน แต่ละระดับตามไปด้วย เพราะช่องว่างค่าจ้างของแรงงานไร้ฝีมือ ที่รับค่าจ้างขั้นต่ำ กับแรงงานมีฝีมือใกล้เคียงกัน ซึ่งการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำปี 2561 ที่อัตรา 5-22 บาท ทำให้ค่าจ้างขั้นต่ำอยู่ที่ 308-330 บาท หรือมีค่าจ้างเฉลี่ยทั่วประเทศ 315.97 บาท และในหลายพื้นที่ปรับค่าจ้างขึ้นค่อนข้างสูง โดยเฉพาะในภาคตะวันออก เช่น ชลบุรีและระยอง ปรับขึ้น 22 บาท จะพบว่า ค่าจ้างขั้นต่ำมีการปรับขึ้นจาก 300-315 บาท ต่อวัน เป็น 308-330 บาท และถ้าผู้ประกอบการรายใดไม่ปรับค่าจ้างของแรงงานฝีมือขึ้น จะมีความเสี่ยงที่แรงงานมีฝีมือจะลาออกไปทำงานที่อื่น และขณะนี้หลายธุรกิจมีปัญหาแรงงานขาดแคลน และเมื่อปรับค่าข้างของแรงงานมีฝีมือขึ้น ก็ต้องปรับค่าจ้างของหัวหน้าคนงานขึ้นตามไปด้วย จะทำให้เกิดการปรับค่าจ้างขึ้นตามไปจนถึงพนักงานที่รับเงินเดือนด้วย   ด้านนายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บอกว่า ภาคตะวันออกปรับค่าจ้างขั้นต่ำค่อนข้างสูง แต่เชื่อว่าจะไม่มีผลต่อการลงทุนในระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซี เพราะแรงงานมีฝีมือในภาคตะวันออกส่วนใหญ่ อยู่ในอุตสาหกรรมที่มีเทคโนโลยี และมีอัตราการจ่ายค่าจ้างสูงกว่าเงินค่าจ้างขั้นต่ำมาก จึงไม่น่าจะมีผลกระทบต่อการตัดสินใจลงทุน ในนิคมอุตสาหกรรมของอมตะ ซึ่งการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำปี 2560 มีจังหวัดที่ขึ้นต่ำสุด คือ 5 บาทต่อวัน โดยนับตั้งแต่การปรับตั้งแต่ปี 2559 มี 16 จังหวัด เช่น สุโขทัย หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ อุทัยธานี แพร่ มหาสารคาม แม่ฮ่องสอน ราชบุรี ส่วนจังหวัดที่ได้ปรับขึ้นมากที่สุดในรอบนี้ คือ ชลบุรี 22 บาท รองลงมาคือ 20 บาท ที่จังหวัด ภูเก็ต แต่หากย้อนหลังการปรับค่าจ้างในรอบ 10 ปี คือ ปี 2550 ถึง 2560 ในรอบนี้ พบว่า อุบลราชธานีได้ปรับค่าจ้างเพิ่มมากขึ้นในรอบ 10 ปี จำนวน 175 บาท รองลงมาคือ 171 บาท คือ น่าน พะเยา และสุพรรณบุรี ส่วนจังหวัดที่ปรับค่าจ้างต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี คือ อัตรา 131 บาท คือ กทม. นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร