ปอท.อายัดตัวหนุ่มปลอมเฟซอธิบดีราชทัณฑ์

จากกรณีที่ พล.ต.ต.ทินณะรัตน์ เพ็ชรพันธ์ศรี ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.ออมสิน ตรารุ่งเรือง รองผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.ไพโรจน์ ไทยพุทรา รองผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.ธีรพัฒน์ ธารีไทย ผกก.สืบสวน ภ.จว.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ภ.จว.กาฬสินธุ์ และชุดสืบสวนสภ.โนนสูง ร่วมจับตัวนายครินทร เกตุลคร อายุ 22 ปี และนายวุฒิชัย อายุ 18 ปี สองพี่น้อง อยู่บ้านเลขที่ 62 ม.17 ต.หัวนาคำ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ พร้อมของกลาง เงินสด บัตรเอทีเอ็ม และโทรศัพท์มือถือจำนวนมาก หลังทั้งสองคนร่วมกันก่อเหตุปลอมเฟซบุ๊กของ พ.ต.อ.ออมสิน ตรารุ่งเรือง รองผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ แล้วหลอกขายสินค้าชนิดต่างๆ ทางเฟซบุ๊ก ทั้งโทรศัพท์มือถือ โน๊ตบุ๊ค เสื้อผ้า และองุ่น รวมทั้งหลอกลวงว่า รับจ่ายค่าน้ำ และค่าไฟ ก่อนที่เหยื่อจะหลงเชื่อโอนเงินให้แล้วหนีหายไป ซึ่งเบื้องต้นมีผู้เสียหายหลายราย กระทั่งถูกชุดสืบสวนแกะรอยและซ้อนแผนตามจับกุมตัวได้ขณะกำลังกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มที่บริเวณหน้าโรงสีข้าวแห่งหนึ่งใน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์

นายครินทร เกตุละคร ผู้ต้องหา รับสารภาพว่า ได้ร่วมกับน้องชายก่อเหตุจริง โดยได้เข้าไปยังเว็ปไซต์ของตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ แล้วก็อบปี้ภาพนายตำรวจเลือกคนที่มีบุคลิกที่น่าเชื่อถือมาเปิดเฟซบุ๊กแล้วโพสต์ขายสินค้า โดยครั้งนี้เลือก พ.ต.อ.ออมสิน ตรารุ่งเรือง รองผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ และได้โพสต์ขายเสื้อผ้า โทรศัพท์มือถือ โน๊ตบุ๊ค องุ่น รวมทั้งรับชำระค่าน้ำ ค่าไฟด้วย จากนั้นจะปลอมเฟซบุ๊ก ขึ้นมาเพื่อกดไลค์หลายๆ ครั้ง เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ ซึ่งการปลอมเฟซบุ๊กครั้งนี้ มีผู้เข้ามาสั่งจองเสื้อ 3 ราย จึงหลอกให้เหยื่อโอนเงินเป็นค่ามัดจำมาก่อนรวม 3,000 บาท และเมื่อมีการโอนเงินมาแล้ว จากนั้นจะทำการปิดโทรศัพท์มือถือแล้วไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม และกำลังจะปิดเฟซบุ๊ก แต่ไม่นึกว่าจะถูกแกะรอยและซ้อนแผนตามจับกุมตัวได้

นายครินทร รับสารภาพอีกว่าก่อนหน้านี้เคยปลอมเฟซบุ๊ก โดยอ้างชื่อนายตำรวจใหญ่มาแล้วที่กรุงเทพมหานคร และยังปลอมเฟซบุ๊กอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เพื่อหลอกขายสินค้าอีกด้วย ซึ่งมีคนเข้ามาหลงเชื่อ และโอนเงินมาให้หลายราย ส่วนเงินที่ได้มาจากการหลอกขายสินค้าจะไปซื้อยาเสพติดมาเสพและเที่ยวเตร่ ซึ่งเมื่อเงินหมดก็จะปลอมเฟซบุ๊กคนอื่นต่อไปอีกเรื่อยๆ

ด้าน พ.ต.อ.ออมสิน ตรารุ่งเรือง รองผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนๆ ญาติ และคนรู้จักหลายคนสอบถามว่า 'ตอนนี้ขายเสื้อ โทรศัพท์ และองุ่นทางเฟซบุ๊กเลยหรอพี่' ซึ่งทีแรกตนก็รู้สึกตกใจ เพราะปกติไม่ได้สมัครและเล่นเฟซบุ๊ก จึงเข้าไปตรวจสอบพบว่ามีคนมาปลอมชื่อเฟซบุ๊ก และหลอกขายสินค้า ดังนั้นจึงประสานชุดสืบสวนภ.จว.กาฬสินธุ์แกะรอย กระทั่งทราบตัวผู้ก่อเหตุ จึงให้เจ้าหน้าที่ซ้อนแผนสั่งซื้อสินค้าและเข้าจับกุมตัวได้ดังกล่าว เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีไม่ให้ไปหลอกลวงและสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนคนอื่น

ขณะที่ พล.ต.ต.ทินณะรัตน์ เพ็ชรพันธ์ศรี ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า อยากฝากเตือนผู้ที่นิยมสั่งซื้อสินค้าทางอินเตอร์เน็ต ควรที่จะตรวจสอบที่ไปที่มาและความน่าเชื่อถือให้ถี่ถ้วน เพราะอาจจะถูกหลอกลวงเสียทรัพย์สินตกเป็นเหยื่อได้ เพราะกลุ่มมิจฉาชีพนั้นมีหลายรูปแบบ อย่างกรณีครั้งนี้คนร้ายนั้นมีกลวิธีหลอกลวง โดยเลือกนายตำรวจ เพราะจะสร้างความน่าเชื่อถือ แต่ก็ไม่พ้นจากติดตามจับกุมของเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตามเบื้องต้นจากการตรวจสอบประวัตินายวุฒิชัย ผู้เป็นน้องยังมีหมายจับคดียาเสพติด ส่วนนายครินทร ผู้เป็นพี่นั้นยังเคยถูกดำเนินคดีในการปลอมเฟซบุ๊กหลอกขายสินค้ามาแล้ว และคาดว่าผู้ต้องหาสองคนนี้น่าจะร่วมกันก่อเหตุลักษณะดังกล่าวมาแล้วหลายครั้ง จึงขอประชาสัมพันธ์ถึงประชาชนหากถูกสองคนนี้หลอกก็สามารถติดต่อเข้าแจ้งความร้องทุกข์และสามารถติดต่อเข้ามายังที่ตำรวจภูธรจ.กาฬสินธุ์ได้ทันที เพราะเป็นพฤติกรรมนั้นเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน ส่วนกรณีดังกล่าวนั้นเบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะส่งตัวดำเนินคดีในข้อหาทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงนำข้อมูลอันเป็นเท็จ ผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และเสพยาเสพติด

ล่าสุดพ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผกก.กก.3 ในฐานะ โฆษก บก.ปอท. กล่าวว่า บก.ปอท.ได้ทำหนังสือประสานไป ภ.จว,กาฬสินธุ์ ขออายัดตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดี ในข้อหาตามความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(1) ที่กรุงเทพมหานครอีกคดีด้วยเช่นกัน เพราะการทำผิดตามมาตรา 14 ระบุไว้ว่าผู้ใดกระทําความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ (1) โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทําความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา