svasdssvasds

คิดว่ารอด!สาวแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไทย-จีน หนีคดี 10 ปี ถูกรวบกลางเมืองมหาชัย

คิดว่ารอด!สาวแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไทย-จีน หนีคดี 10 ปี ถูกรวบกลางเมืองมหาชัย

ตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ตามรวบสาวเครือข่ายแก็งคอลเซ็นเตอร์ ไทย-จีน หนีคดี 10 ปี ได้ที่กลางเมืองมหาชัย ด้านเจ้าตัวอ้างถูกหลอกไปเป็นแม่บ้านก่อนถูกบังคับร่วมขบวนการ

ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) เมื่อวันที่ 4 ก.ย. พ.ต.อ. ภาดล จันทร์ดอน ผู้กำกับการ 5 และ พ.ต.ท. ภูวเดช จุลกะเสวี สารวัตร กองกำกับการ 5 ร่วมกันนำกำลังจับกุมตัว นางสาวนภภัสสร มีบุญธรรม อายุ 42 ปี ผู้ต้องหาเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยสามารถจับกุมได้บริเวณริมถนนราษฎร์พัฒนา 6 ต.บางน้ำจืด อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร

สืบเนื่องจากช่วงระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ ถึง เดือนเมษายน ปี 2553 มีผู้เสียหายเข้า แจ้งความร้องทุกข์ ต่อพนักงานสอบสวน ว่าได้รับโทรศัพท์ปลายสายอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ ด้านสินเชื่อบัตรเครดิตธนาคารแห่งหนึ่ง ออกอุบายให้หลงเชื่อว่ามีหนี้สินค้างชำระ และให้รีบไปดำเนินการทำรายการที่ตู้เอทีเอ็ม จนมาทราบภายหลังว่าเป็นการหลอกลวงให้โอนเงินไปยังบัญชีของกลุ่มผู้ต้องหา ความเสียหายทั้งหมด 861,971 บาท ซึ่งทางตำรวจ สืบสวนติดตามจนพบที่ตั้งของ Call center ที่ใช้หลอกลวงผู้เสียหายครั้งนี้ ตั้งอยู่ที่ เมืองฉางอัน เขตตงก่วน มณฑลกวางตุ้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน

ต่อมา วันที่ 8 เมษายน 2553 ได้ประสานความร่วมมือกับตำรวจจีนเข้าตรวจค้นจับกุม ผู้ต้องหาชาวไทย และชาวจีน รวม 15 คน และพบอีกว่ายังมีผู้ต้องหาชาวไทยรายอื่นๆ ที่ร่วมกระทำความผิด เพิ่มเติมอีกจำนวน 8 คน ซึ่งต่อมาได้ดำเนินการติดตามจับกุมตัวได้แล้วจำนวน 7 คน คงเหลือเพียง นางสาว นภภัสสร ที่ยังคงหลบหนีอยู่

กระทั่งเมื่อวันที่ 4 กันยายน ที่ผ่านมา ทางตำรวจสืบสวนจนทราบว่า นางสาวนภภัสสร ได้หลบหนีการจับกุม ไปกบดานที่ จ.สมุทรสาคร จึงได้ติดตามจับกุม ได้ที่ บริเวณริมถนนราษฎร์พัฒนา 6 ก่อนควบคุมตัวสอบสวนที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ

จากการสอบสวน นางสาววารุณี ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้ถูกหลอกไปทำงานที่สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเป็นแม่บ้าน เมื่อเดินทางไปถึง กลับว่าถูกบังคับให้ทำงานเป็นคอลเซ็นเตอร์ โดยมีคนจีนคอยคุม หน้าที่คือหลอกลวงผู้เสียหายว่าเป็นเจ้าหน้าที่ด้านสินเชื่อบัตรเครดิตของธนาคาร

หลังจากนั้นจะมีผู้ต้องหารายอื่น ทำหน้าที่คอลเซ็นเตอร์ สมอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทย ติดต่อผู้เสียหายต่อเพื่อสร้างสถานการณ์ให้สมจริง ก่อนจะให้ผู้ต้องหาที่ทำหน้าที่คอลเซ็นเตอร์อีกรายติดต่อ เพื่อแนะนำวิธีการทำรายการหน้าตู้เอทีเอ็ม

ที่ผ่านมา หลบหนีคดีมาเกือบ 10 ปี พยายามย้ายที่อยู่และปกปิดข้อมูลส่วนตัว เพื่อให้ยากแก่การติดตามจับกุม กระทั่งล่าสุดเพิ่งย้ายมาทำงานโรงงานแถว จังหวัดสมุทรสาครได้ไม่กี่วัน จนมาถูกจับกุมดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อต่อคำให้การของนางสาวนภภัสสร ต้องทำการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น , ร่วมกันใช้บัตรอีเล็คทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน อันเป็นการกระทำเกี่ยวกับบัตรอีเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิ์ใช้เพื่อประโยชน์ในการชำระสินค้า ค่าบริการ หรือหนี้อื่นแทนการชำระด้วยเงินสดหรือเบิกถอนเงินสด” ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

related