ตำรวจเร่งสางคดีรถตู้ฉุดสาว เป็นการค้าประเวณีหรือปมชู้สาว

ความคืบหน้าเหตุคนขับรถตู้เฉี่ยวชนแท่งแบริเออร์ ขณะมีชายหนุ่มเกาะอยู่หน้ารถ ขัดขวางไม่ให้พาแฟนสาวไปร่วมหลับนอน เหตุเกิดบริเวณเชิงสะพานไทย-เบลเยี่ยม ถนนพระราม 4 ใกล้สวนลุมพินี เมื่อวันที่ 21 ก.ค. 63

พล.ต.ต.สามารถ ศรีสิริวิบูลย์ชัย ผบก.น.5 เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนติดตามเบาะแสของรถตู้ยี่ห้อโฟล์คสวาเกน ใช้แผ่นป้ายกระดาษปิดเลขทะเบียนจริง สันนิษฐานว่า คนขับรถตู้ที่ก่อเหตุ น่าจะเป็นพนักงานคนขับรถที่นำรถนายจ้าง ไปใช้งาน จากคำให้การของผู้เสียหาย คาดว่าเป็นคนไทยอายุราว 40-50 ปี

ส่วนปมสาเหตุในการบังคับพาไป ยังไม่สรุปว่าเป็นเรื่องการลักลอบค้าประเวณี หรือปมชู้สาว เนื่องจากผู้เสียหายเข้าแจ้งความแล้ว มีอาการเศร้าเสียใจ ยังได้รับความกระทบกระเทือนต่อจิตใจอยู่ ซึ่งฝ่ายสืบสวนก็ยังไม่ตัดประเด็นใดประเด็นหนึ่งทิ้ง ขอเวลาสอบสวนจะมีความชัดเจนขึ้น

สำหรับการป้องปรามการลักลอบค้าประเวณีบริเวณสวนลุมพินี ซึ่งอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของ สน.ลุมพินี มีการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดและจัดทำประวัติผู้ต้องหาไว้ แต่เนื่องจากความผิดดังกล่าวมีเพียงอัตราโทษปรับ ทำให้ผู้กระทำผิดไม่เข็ดหลาบ กลับไปกระทำผิดซ้ำได้อีก ซึ่งก็กำชับฝ่ายปราบปรามในการหมั่นตรวจตราไปแล้ว

ล่าสุดวันนี้น้องชายของหนุ่มที่กระโดดเกาะหน้ารถตู้ เดินทางเข้าลงบันทึกประจำวันที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ เพื่อนำเอกสารไปติดต่อขอรับศพพี่ชายที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ นำไปประกอบพิธีทางศาสนาที่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ในวันนี้ รวมถึงให้ปากคำกับตำรวจเพิ่มเติม ส่วนตัวไม่ทราบรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพียงทราบจากข่าวเท่านั้น

น้องผู้ตายระบุว่า ที่ผ่านมาไม่ได้อยู่บ้านเดียวกับพี่ชายและพี่สะใภ้ แต่ยืนยันว่าทั้งคู่เป็นสามีภรรยาที่จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมายมานานหลายปีแล้ว เชื่อว่าทั้งคู่เป็นคนดี ไม่มีความขัดแย้งทั้งเรื่องธุรกิจและเรื่องส่วนตัวกับใคร แต่ก็ยอมรับว่าทั้งคู่มีการขับรถออกไปเที่ยวกลางคืนในบางครั้ง

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนตัวไม่ทราบว่าบุคคลในรถตู้รู้จักกับพี่สะใภ้หรือไม่ แต่มีการมัดมือมัดคอ และขับรถชนพี่ชาย เป็นการกระทำที่รุนแรงเกินไป ยอมรับไม่ได้ และหากบุคคลในรถตู้รู้จักกับพี่สะใภ้จริง ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรงขนาดนี้ ดังนั้นเมื่อพี่ชายเสียชีวิต ในฐานะครอบครัวก็ยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ไม่ยอมความ

พ.ต.อ.สุธี เสน่ห์ลักษณา ผู้กำกับการ สน.ทุ่งมหาเมฆ ยืนยันว่า ตำรวจได้เบาะเเสของคนขับรถตู้แล้ว โดยเฉพาะการที่คนขับรถตู้มีความพยายามที่จะปกปิดป้ายทะเบียนของรถตู้ เพื่อให้ยากต่อการจับกุม

ขณะนี้ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด รวมทั้งมีการเชิญผู้เสียหายพยานหลายปากมาสอบปากคำเพิ่มเติมถึงเหตุการณ์ พฤติกรรมและรูปพรรณของคนขับรถตู้ เพื่อจะนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย