สุดเก๋! คาเฟ่ในสิงคโปร์ใช้ ‘ดูคาตัส’ สกุลเงินที่คิดค้นเอง

กระแสความนิยมของ ‘บิทคอยน์’ ที่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะนี้ ส่งผลให้บริษัทแห่งหนึ่งในสิงคโปร์เปิดร้านคาเฟ่แห่งแรกของประเทศที่ใช้ ‘สกุลเงิน’ ของตนในการซื้อขายแลกเปลี่ยน

[caption id="attachment_165357" align="aligncenter" width="550"] -REUTERS-[/caption]

ถนนย่านดาวน์ทาวน์ ซึ่งตั้งอยู่ถัดจากธนาคารกลางสิงคโปร์ไม่กี่ถนน มีร้านกาแฟที่เปิดให้บริการโดยใช้สกุลเงินของตนเองที่คิดค้นขึ้นมา นั่นก็คือ สกุลเงิน ‘ดูคาตัส’ และร้านกาแฟแห่งนี้ ก็มีชื่อว่า ‘ดูคาตัส’ ด้วย

ทางร้านเสนอชงกาแฟและทำแซนวิชให้กับลูกค้า ที่เข้ามารับการบริการเพื่อแลกกับ ‘ดูคาตัส’ หรือการชำระเงินในรูปแบบอื่น ๆ ที่ไม่ใช้เงินสด โดยร้านคาเฟ่ ‘ดูคาตัส’ พยายามผลักดันให้มีการใช้สกุลเงินของร้านในการซื้อขายสินค้ามากกว่าการเก็งกำไร

[caption id="attachment_165358" align="aligncenter" width="550"] -REUTERS-[/caption]

ขณะที่ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์เดียวกันกับที่ธนาคารกลางสิงคโปร์ หรือ Monetary Authority of Singapore (MAS) ประกาศกระตุ้นให้นักลงทุนระมัดระวังเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดบิทคอยน์

ความสนใจของทั่วโลก ประเด็น ‘บิทคอยน์’ ทำให้สิงคโปร์ ที่นับว่าเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีทางการเงิน หรือ ฟินเทค ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต้องชั่งน้ำหนักระหว่างการสนับสนุนนวัตกรรม ด้านเทคโนโลยีและการลดความเสี่ยงด้านระบบการเงินภายในประเทศ

[caption id="attachment_165359" align="aligncenter" width="550"] -REUTERS-[/caption]

‘รอนนี่ โทมี่’ ซีอีโอ ร้ายดูคาตัส “พวกเราแค่ต้องการทำให้แน่ใจว่า คริปโตเคอเรนซี (เงินดิจิทัล) จะไม่ไปไหน และผมไม่คิดว่า นั่นจะเป็นคำถามทิศทางที่เทคโนโลยีพัฒนาและเติบโตอยู่ ในขณะนี้ไม่ต้องสงสัยเลย มันเป็นการพัฒนาเป็นไปอย่างรวดเร็ว และรัฐบาลอาจมีปัญหาในการก้าวทันเทคโนโลยี แต่การให้ความรู้แก่ประชาชน โดยการให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการจัดการและคำเตือนในบางครั้งเป็นเรื่องที่ดี เพราะบางครั้งผู้คนมักก้าวกระโดดหาสิ่งใหม่ ๆ ง่ายเกินไป”

[caption id="attachment_165360" align="aligncenter" width="550"] -REUTERS-[/caption]

ด้าน ผู้เชี่ยวชาญ ออกเตือนเกี่ยวกับปรากฏการณ์ Bitcoin Bubble Bursting โดยระบุว่า ‘บิทคอยน์’ ซึ่งเปรียบเสมือนฟองสบู่ อาจแตกได้ตลอดเวลา แม้มูลค่าของมันจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

เช่นเดียวกับ ‘ทิม ฟิลลิปส์’ ผู้บริหารเครือข่ายอาชญากรรมทางการเงินเอเชีย-แปซิฟิก ของบริษัท ดีลอยท์ กล่าวเตือนถึงสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นตามมา หลังจากฟองสบู่บิทคอยน์แตก ระบุว่า ‘บิทคอยน์’ อาจไม่สามารถใช้ในการชำระเงินในชีวิตประจำวันหรือแปลงกลับเป็นเงินสดได้อีกต่อไป

อย่างไรก็ตาม แม้ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับ ‘บิทคอยน์’ ยังอยู่ในระดับที่สูง แต่มูลค่าของ ‘บิทคอยน์’ ยังปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ ผู้ชื่นชอบในการลงทุนมองว่า อนาคตของบิทคอยน์จะเติบโตที่ยิ่งใหญ่