เบร็กซิทและอียูคว่ำบาตร จะผลักดันกัมพูชาสู่วิกฤตเศรษฐกิจ

สำนักข่าวเอเชียนิกเคอิของญี่ปุ่น วิเคราะห์สถานการณ์สภาพเศรษฐกิจประเทศกัมพูชาว่ากำลังหมิ่นเหม่จะเกิดวิกฤต คลื่นลูกแรกที่จะเป็นความเสียหายทางเศรษฐกิจจะเห็นได้ชัดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ถ้าประเทศสูญเสียสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีจากอังกฤษ ในขณะที่สหภาพยุโรปก็กำลังพิจารณายุติมาตรการปลอดภาษีเพื่อตอบโต้ผู้นำกัมพูชาที่สหภาพยุโรปมองว่ากำลังกดขี่ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยทางการเมือง

ที่ผ่านมา กัมพูชามีอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจสูง เป็นผลดีมาจากการส่งออกที่ได้รับแรงสนับสนุนจากข้อตกลงที่มีกับสหภาพยุโรป ข้อตกลงทางการค้านี้ทำให้กัมพูชาและประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุดอีก 48 ประเทศส่งออกไปยังสหภาพยุโรปปลอดภาษี แต่เมื่ออังกฤษจะออกจากสหภาพยุโรปสิ้นเดือนมีนาคม ก็มีความเป็นไปได้ที่กัมพูชาจะสูญเสียสถานะที่ได้เปรียบ

รายงานจากสถาบันพัฒนาในเยอรมนีระบุว่ากัมพูชาจะเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบสูงสุดจากเบร็กซิท เพราะเป็นประเทศที่พึ่งพิงตลาดอังกฤษสูง หากอังกฤษออกจากสหภาพยุโรปโดยไม่มีข้อตกลง อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชาอาจตกต่ำไปอีกกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ และอัตราการบริโภคครัวเรือนอาจตกลง 1.4 เปอร์เซ็นต์ แต่ในขณะที่ความสัมพันธ์ของผู้นำกัมพูชากับชาติตะวันตกกำลังไม่สู้ดี ความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนกลับดีขึ้น ส่งผลให้จีนให้ความช่วยเหลือทางการทหารจำนวนมาก

ผู้นำกัมพูชาระบุว่าจีนได้สัญญาว่าจะให้ความช่วยเหลือ 600 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 19,000 ล้านบาท แต่นักวิชาการเตือนว่าการพึ่งพาจีนก็จะทำให้กัมพูชาเปราะบางกับความเสียหาย หากเศรษฐกิจหรือการเมืองของจีนมีปัญหา แต่รัฐบาลกัมพูชายืนยันว่าไม่ได้พึ่งพาเพียงจีนเท่านั้น ยังคงมีการเจรจาหารือกับชาติอื่นๆ ใครก็ตามที่อยากทำธุรกิจกับกัมพูชา ที่จะทำให้ประเทศอยู่รอด

นักวิชาการระบุว่า คำตอบที่ฮุนเซนมีคือการหันหน้าหาจีนมากขึ้น แต่ถ้าฮุนเซ็นยอมเปลี่ยนแปลงบางอย่างเพื่อให้เข้าเงื่อนไขข้อตกลงสหภาพยุโรป ก็เท่ากับว่าเค้าอาจสูญเสียการควบคุมรัฐบาล แต่ถ้าฮุนเซ็นไม่เปลี่ยนแปลง ฮุนเซ็นก็กำลังเดิมพันกับการว่างงานของประชาชน ที่อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ฮุนเซ็นหวาดหวั่นที่สุด คือการเปลี่ยนแปลงระบอบ หรือที่ฮุนเซ็นเรียกว่าการปฏิวัติ