นักวิจัยชาวเยอรมันระบุว่า การคัดกรอง หาผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ด้วยการดูอาการ อย่างเช่น มีไข้ หรือมีอาการไอหรือไม่ ไม่เพียงพอที่จะหลีกเลี่ยงการแพร่กระจายของเชื้อ
วารสารการแพทย์ New England Journal of Medicine ได้เผยแพร่รายงานของทีมนักวิจัยชาวเยอรมนี ที่ทำการประเมินขั้นตอน การคัดกรอง 126 คนที่อพยพจากอู่ฮั่นมายังประเทศเยอรมนี เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ระบุว่าการดูที่อาการ ไม่ใช่วิธีที่มีประสิทธิภาพพอที่จะหลีกเลี่ยงการแพร่กระจายของเชื้อ
รายงานได้ระบุถึงการอพยพ 126 คนออกจากอู่ฮั่น และแม้จะผ่านขั้นตอน การคัดกรอง โดยดูอาการขณะอยู่ในประเทศจีน อย่างเช่นการวัดไข้ หรือดูว่ามีอาการไอหรือไม่ ก่อนขึ้นเครื่องเพื่อเดินทางมายังเยอรมนี และระหว่างการเดินทาง ได้มีการแยกผู้ต้องสงสัยติดเชื้อออกมา 10 คน
ทั้ง 10 คนถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแฟรงก์เฟิร์ตทันทีที่เดินทางถึงเยอรมนี ทั้ง 10 คน ตรวจไม่พบเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ในขณะที่เหลืออีก 116 คน ถูกส่งไปยังศูนย์ประเมินทางการแพทย์ที่สนามบินแฟรงก์เฟิร์ต และแม้ว่าทุกคนจะผ่านการคัดกรองโดยการดูอาการมาก่อน อย่างเช่นมีไข้ เจ็บคอ ไอ มีน้ำมูก ปวดกล้ามเนื้อ ท้องเสีย หรืออ่อนเพลีย แต่ท้ายที่สุด ก็ยังมีถึง 2 คนที่ตรวจพบเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
รายงานสรุปว่า ทีมวิจัยค้นพบว่า แม้ไม่มีไข้ และไม่มีสัญญาณของการติดเชื้อ แต่คนนั้นก็อาจมีเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้ ดังนั้น การคัดกรอง โดยการดูอาการ ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะตรวจหาคนที่มีเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่
นอกจากนี้ สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ก่อนหน้านี้ มีการตั้งข้อสงสัยว่า เชื้อไวรัสสามารถมีชีวิตอยู่นอกร่างกายมนุษย์ได้นานเท่าไหร่ เพราะการศึกษาล่าสุดพบว่า ไวรัสโคโรนาอย่างไวรัสโรคซาร์ส สามารถอยู่นอกร่างกายมนุษย์ได้ถึง 9 วัน