ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th
ภายหลังจากสำนักพระราชวังได้แจ้งขอเปิดให้ประชาชนชาวไทยเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพถึงวันที่ 30 ก.ย. 2560 เป็นวันสุดท้าย เนื่องด้วยสำนักพระราชวังจะดำเนินการจัดเตรียมพื้นที่ภายในพระบรมมหาราชวัง เพื่อเตรียมการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร์ สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ตามที่ประกาศเพื่อทราบไปแล้วนั้น
ล่าสุด พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จากเดิมที่รัฐบาลให้มีการไว้ทุกข์ตั้งแต่วันที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559 - 12 ตุลาคม 2560 เป็นระยะเวลาครบ 1 ปี ที่ประชุม ครม. เห็นชอบให้มีการขยายช่วงเวลาไว้ทุกข์ และให้ลดธงลงครึ่งเสา ทั้งหน่วยงานและสถานทูตของไทยและในต่างประเทศด้วย เป็นระยะเวลา 15 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 13 -27 ตุลาคม 2560
โดยกำหนดให้วันที่ 28 ตุลาคม 2560 เป็นวันออกทุกข์และเก็บผ้าป้ายขาวดำทั้งหมดบนท้องถนนและสถานที่ราชการ ส่วนการขยายวันหยุดพิเศษ ยังยืนยันว่า ยังมี 1 วันเหมือนเดิม คือวันที่ 26 ตุลาคม 2560 โดยวันดังกล่าวเป็นวันพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในงานพระราชพิธีฯ นอกจากนี้วันที่ 13 ตุลาคม มีมติให้เป็นวันหยุดประจำปีทุกปี ส่วนวันที่ 26 ตุลาคม จะมีเฉพาะกิจสำหรับปีนี้เท่านั้น
สำหรับพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยหมายกำหนดการดังนี้
วันที่ 25 ต.ค. 2560 จะเป็นการบำเพ็ญพระราชกุศลก่อนออกพระเมรุ ในเวลา 17.30 น.
วันที่ 26 ต.ค. 2560 เป็นวันถวายพระเพลิงพระบรมศพ ซึ่งจะมีพระราชพิธี 3 ช่วงคือ
-ช่วงที่หนึ่ง เวลา 07.00 น.อัญเชิญพระบรมโกศ ขึ้นพระราชยานเข้าขบวนแห่ไปตรงหน้าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร ก่อนเปลี่ยนขึ้นราชรถเชิญไปสู่ท้องสนามหลวง
-ช่วงที่สองคือ การถวายพระเพลิงในเวลา 17.30 น.
-ช่วงที่สาม เวลา 22.00 น. เป็นการถวายพระเพลิงจริงวันที่ 27 ต.ค. 2560 เวลา 06.00 น.เป็นวันเก็บพระบรมอัฐิ
วันที่ 28 ต.ค. 2560 พระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมอัฐิ ในเวลา 17.30 น.
วันที่ 29 ต.ค. 2560 เวลา 10.30 น.อัญเชิญพระบรมอัฐิขึ้นพระวิมาน จากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เพื่อนำไปเก็บไว้ในห้องพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระบรมอัฐิพระเจ้าแผ่นดินทุกรัชกาล
และเวลา 17.30 น.จะอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคาร เชิญเข้าขบวนแห่อิสริยยศไปประดิษฐานที่วัดพระราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร และวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ซึ่งถือเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 9