svasdssvasds

ตม.แจง "ครอบครัวซิมบับเว" อยู่ระหว่างรอผลขอลี้ภัยจาก UN

ตม.แจง "ครอบครัวซิมบับเว" อยู่ระหว่างรอผลขอลี้ภัยจาก UN

ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th

วันที่ 27 ธ.ค.60 พ.ต.อ.เชิงรณ ริมผดี รอง ผบก.ตม.2 ในฐานะรองโฆษก  สตม.และโฆษก บก.ตม.2 เปิดเผยว่า ได้ตรวจสอบกรณีมีผู้โพสต์ภาพและข้อความระบุว่า มีครอบครัวชาวซิมบับเวติดอยู่ภายในสนามบินสุวรรณภูมิเป็นเวลากว่า 3 เดือนแล้ว พบว่า มีครอบครัวชาวซิมบับเว  ประกอบด้วย ผู้ใหญ่ 4 คน และ เด็ก 4 คน  วัยตั้งแต่ 2 ,6,7 และ 11 ขวบ โดยทั้งหมดอยู่ในการดูแลของสายการบิน ในเขตอาคารผู้โดยสาร ชั้นใน ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

 

จากการตรวจสอบ ทราบว่า ชาวต่างชาติกลุ่มดังกล่าว เดินทางเข้าประเทศไทย ช่วง เดือน พ.ค.60 ด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว และต่อมาได้มาขอเดินทางออกที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อ วันที่ 23 ตุลาคม 2560 โดยสารการบินยูเครน เพื่อเดินทางไปเมืองบาเซโลนา ประเทศสเปน ซึ่งต้องแวะผ่านลำที่เมืองเคียฟ ประเทศยูเครนซึ่งทางสายการบินพบว่า ผู้โดยสารกลุ่มดังกล่าวไม่มีวีซ่าเข้าประเทศสเปน  จึงปฏิเสธการขึ้นเครื่อง  และนำคนต่างชาติกลุ่มนี้มาพบเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเพื่อยกเลิกการเดินทาง

 

แต่พบว่าผู้โดยสารกลุ่มดังกล่าวมีสถานะover stay หรือ อยู่เกินกำหนดในไทยถึง 5 เดือน จึงดำเนินคดีและเปรียบเทียบปรับแล้วไม่สามารถให้กลับเข้าประเทศได้  จึงได้ดำเนินการตามกฎหมายคนเข้าเมือง  ให้สายการบินยูเครน รับตัวผู้โดยสารดังกล่าว กลับประเทศ ซิมบับเว ซึ่งเป็นประเทศบ้านเกิด   แต่ปรากฏว่า ทางผู้โดยสารไม่ยินยอมเดินทางกลับซิมบับเว เนื่องจากเกรงอันตรายจากสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศ

 

ต่อมาในวันที่ 7 พ.ย.60 กลุ่มผู้โดยสารนี้ได้ซื้อตั๋วเดินทางไปยังประเทศมอลนิโทเรีย โดยผ่านประเทศยูเครน -สเปน-มอนนิโทเรีย เมื่อกลุ่มผู้โดยสารนี้ได้ขึ้นเครื่องจากสุวรรณภูมิ ไปถึงประเทศยูเครนแล้ว แต่ไม่สามารถเดินทางต่อจากประเทศยูเครนไปยังสเปนได้

 

และจากนั้นในวันที่ 13 พ.ย. 60 ผู้โดยสารกลุ่มนี้จึงได้ถูกส่งตัวจากยูเครนกลับมายังสุวรรณภูมิโดยกลุ่มผู้โดยสารนี้ยังคงอยู่ในการดูแลของสายการบิน  จากนั้นทางผู้โดยสารได้ยื่นเรื่องขอลี้ภัยไปยัง UN และทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้รับสำเนาหนังสือของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ถึง อธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ มีใจความสำคัญสรุปว่า

"กลุ่มชาวต่างชาติดังกล่าว เป็นผู้ที่ได้รับการลงทะเบียนผู้แสวงหาที่ลี้ภัย และมีความเสี่ยงประสบภัยในประเทศมาตุภูมิ ซึ่งทาง UN กำลังดำเนินการในขั้นตอนผู้ลี้ภัยอยู่ โดยยังคงอยู่ในการดูแลของสายการบินเยี่ยงผู้โดยสารปกติ และไม่ได้ควบคุมในห้อง Detention room ของสายการบินเช่นเดียวกับชาวต่างชาติที่ถูกปฏิเสธผลักดันกลับประเทศแต่อย่างใด"

อย่างไรก็ตาม จากการติดตามความคืบหน้า ทราบว่า ทาง UN ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแล และ สัมภาษณ์ เพื่อดำเนินการตามกระบวนการผู้ลี้ภัย ซึ่งคงจะมีการหารือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เป็นไปตามหลักมนุษยธรรมต่อไป

 

 

related