ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th
ปีที่ผ่านมา บรรดากลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ต่างก็หันมาสนใจโครงการมิกซ์ยูส มากขึ้น เพื่อความคุ้มค่าสูงสุดที่ได้รับ ติดตามจากรายงานพิเศษ ของ คุณอุบลรัตน์ เถาว์น้อย
คงไม่มีใครปฎิเสธได้ว่า ในรอบปี 2560 กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ ได้หันมาให้ความสนใจโครงการมิกซ์ยูสมากขึ้น กล่าวคือ ใน 1 โครงการ จะต้องประกอบด้วยที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน และ พื้นที่การค้า เพื่อความคุ้มค่าสูงสุดที่จะได้รับ โดยเฉพาะการลงทุนในย่านธุรกิจสำคัญ อย่าง ถนนสีลม สาทร และพระราม4
ผู้เชี่ยวด้านอสังหาริมทรัพย์ ประเมินว่า การก่อสร้างโครงการในรูปแบบมิกซ์ยูส น่าจะยังคงได้รับความนิยมต่อเนื่องไปจนถึงปี 2561 แต่อาจจะมีข้อจำกัดเรื่องขนาดของที่ดิน ที่ตอนนี้เหลืออยู่เพียงไม่กี่ผืนในกรุงเทพมหานคร
ปีหน้าก็ยังเป็นเทรนด์นี้แต่อาจจะไม่หวือหวามาก เพราะข้อจำกัดเรื่องที่ดิน อาจจะเป็นมิกซ์ยูซเล็กๆ แต่ถ้า 10 ไร่ขึ้นน่าจะหาได้ยาก ที่เห็นตอนนี้ก็จะมี ของกลุ่ม TCC แมกโนเลีย ซีพี และไมเนอร์
และถ้าย้อนดูโครงการอื่นที่เปิดตัวในปี 2560 บนถนนสาทร ที่เป็นย่านธุรกิจสำคัญอีกแห่งของกรุงเทพฯ ที่ดินในย่านนี้มีราคาอยู่ในลำดับต้นๆ ของประเทศ และทุกครั้งที่มีการขายที่ดินริมถนนสาทร ต่างได้รับความสนใจ รวมถึงการประมูลที่ดินสถานทูตออสเตรเลียเมื่อไม่นานมานี้ ที่ปิดดีลไปกว่า 4 พันล้านบาท โดยกลุ่มศุภาลัยเป็นผู้ประมูลได้
ที่ดินผืนนี้ กลุ่มศุภาลัย วางแผนพัฒนาด้วยงบลงทุนถึง 17,000 ล้านบาท สำหรับพัฒนาเป็นโครงการมิกซ์ยูส ระหว่างคอนโดมิเนียม และอาคารสำนักงานให้เช่า เพื่อความคุ้มทุน ด้วยข้อจำกัดของทำเล ที่อยู่ค่อนข้างไกลจากรถไฟฟ้าบีทีเอส และรถไฟฟ้าใต้ดิน
เมื่อเทียบกับโครงการอสังหาริมทรัพย์ อย่าง “วัน แบงคอก” ที่กำลังจะเป็นแลนด์มาร์กในรูปแบบมิกซ์ยูส แห่งใหม่ของกลุ่มทีซีซี แอสเซท โครงการนี้ดูเหมือนจะมีความได้เปรียบในด้านการเดินทางที่อยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินลุมพินี ทำให้การเดินทางสะดวก
หรือแม้แต่โครงการมิกซ์ยูสของกลุ่มดุสิตธานี และ กลุ่มเซ็นทรัล ที่มีแผนพัฒนาแลนด์มาร์กอีกแห่งที่หัวมุมถนนสีลม หรือ โรงแรมดุสิตธานีเดิม ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบทั้ง 3 โครงการ จะเห็นได้ว่าโครงการ “วัน บางกอก” ใช้เงินลงทุนมากที่สุด เพราะเป็นการพัฒนาบนที่ดินถึง 104 ไร่ มากกว่าทั้ง 2 โครงการหลายเท่าตัว
แต่ถ้าเทียบในด้านทำเลแล้ว โครงการของกลุ่มดุสิตธานี และ กลุ่มเซ็นทรัล ดูจะมีความได้เปรียบมากที่สุดในด้านทำเลที่ตั้ง เพราะมีทั้งสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสีลม และสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสศาลาแดง ที่ทำให้การเดินทางมาใช้บริการโครงการนี้มีความสะดวกมากกว่าทุกโครงการ