เปิดใจผู้นำครอบครัวนนทะพิทา จ.กาฬสินธุ์ ล่าสุดออกจากเรือนจำเเล้ว แต่ยังไร้บ้าน เผย 6 ปีที่ต่อสู้ถูกทนายหลอกจนเป็นหนี้สิ้น ไม่คาดคิดว่าญาติพี่น้องจะทำกันได้ วาระสุดท้ายชีวิตอยากขอตายที่บ้านที่สร้างมาด้วยสองมือ
ความคืบหน้ากรณี 3 ชีวิตยายหลาน จ.กาฬสินธุ์ ถูกญาติของตนเองฟ้องขับไล่ให้ออกจากบ้าน หลังแพ้คดีศึกมรดกที่ดิน จนต้องมาอยู่ที่ศาลาประชาคมของหมู่บ้าน ขณะที่หัวหน้าครอบครัวถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำกาฬสินธุ์นั้น
ล่าสุดวันนี้ (13 มี.ค.) ว่าที่ร้อยตรีธีระพล โชคนำชัย นายอำเภอสหัสขันธ์ นำชาวบ้านเข้าปรับปรุง “บ้านเทิดไท้องค์ราชัน” ของเทศบาลตำบลโนนน้ำเกลี้ยง เพื่อให้ครอบครัวของ นายไสว นนทะพิทา และนางกองศรี นนทะพิทา เข้าอยู่อาศัย เนื่องจากเจ้าหน้าที่จากศูนย์พักพิงคนไร้ที่พึ่งนิคมสร้างตนเองลำปาวจะต้องใช้ศาลาประชาคมกลางหมู่บ้าน ที่ครอบครัวได้เข้าไปอยู่เพียง 2 วัน โดยวันนี้ได้ช่วยกันขนย้ายสิ่งของมาไว้ที่บ้านใหม่ ส่วนหลานสาว 2 คน ได้ย้ายไปอยู่กับแม่ที่กรุงเทพมหานครแล้ว
[caption id="attachment_212673" align="alignnone" width="840"] บ้านเทิดไท้องค์ราชัน ของเทศบาลตำบลโนนน้ำเกลี้ยง ที่ครอบครัวของนายไสวอยู่ชั่วคราว[/caption]
[caption id="attachment_212669" align="alignnone" width="840"] ว่าที่ร้อยตรีธีระพล โชคนำชัย นายอำเภอสหัสขันธ์พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับฟังปัญหาที่เกิดขึ้น[/caption]
นายไสว นนทะพิทา หัวหน้าครอบครัว ได้เปิดใจหลังออกจากเรือนจำว่า เป็นครั้งแรกที่ต้องอยู่ในเรือนจำถึง 5 วัน เมื่อออกมาแล้วก็ไม่ได้อยู่ในบ้านที่เคยเป็นของตัวเองที่อยู่มาเกือบ 40 ปี บนเนื้อที่ 17 ไร่ 1 งาน 88 ตารางวา ซึ่งที่ดินผืนดังกล่าวบิดาได้ยกให้เป็นมรดกด้วยวาจาในฐานะที่เป็นคนเลี้ยงดูท่าน ส่วนญาติพี่น้องร่วมท้องเดียวกัน 5 คน ก็ที่ได้ที่ดินไปไม่น้อย ซึ่งเดิมทีที่เป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากเพราะอยู่ติดลำห้วย ต่อมาหน่วยงานในพื้นที่ได้ทำฝายกั้นน้ำจึงกลายเป็นที่สวยงามอยู่ติดถนน 4 เลน
ต่อมาใน ปี 2548 ตนได้สร้างบ้านชั้นเดียวเพื่อใช้อยู่อาศัย แต่ไม่ได้ทำการรังวัดและโอนกรรมสิทธิ์เพราะถือด้วยใจบริสุทธิ์ และในภายหลังกลับถูกพี่น้องและหลานฟ้องร้องในคดีแพ่ง ข้อหาที่ดินกรรมสิทธิ์รวม ซึ่งศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2556 ให้พี่น้อง 5 คนแบ่งที่ดินทำกินเท่า ๆ กัน ซึ่งหากตกลงกันไม่ได้ก็ให้เข้าสู่กระบวนการบังคับคดีขายทอดตลาดและนำเงินมาแบ่งให้เท่า ๆ กัน ซึ่งในวันที่ 19 ธันวาคมปีเดียวกัน ตนตกลงยินยอมประนีประนอมแต่ญาติพี่น้องกลับเพิกเฉย จนวันที่ 12 -13 ก.ย.2559 ทางบังคับคดีได้ประกาศขายทอดตลาด ตนก็ได้ร้องต่อศาลขอให้กันพื้นที่ส่วนบ้านที่อยู่อาศัย ออกจากที่พิพาทและชี้แจงว่าตนเองมีสิทธิ์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในนั้น ประมาณ 3 ไร่ 1 งาน 97.6 ตารางวา ซึ่งศาลได้พิพากษาตัดสินในวันที่ 17 ก.ย. 2559 ซึ่งถัดจากการขายทอดตลาดแล้ว 1 สัปดาห์ โดยศาลได้ยกคำร้องการงดการขายทอดตลาด และให้เจ้าพนักงานบังคับคดีแยกขายทอดตลาดที่ดินบริเวณบ้านของตน ดังนั้นการขายทอดตลาดจึงมิชอบเพราะขายทอดตลาดที่ดินรวมทั้งหมดคือ 17 ไร่ 1 งาน 88 ตารางวา เป็นเงินกว่า 3,650,000 บาท และจัดสรรให้กับญาติพี่น้องและทายาทผู้รับมรดกทั้ง 5 คน ได้เงินคนละ 700,000 บาท ซึ่งทุกคนดูพอใจมาก แต่ตนเองยังต้องถูกหักค่าธรรมเนียม ค่าทนาย และอื่น ๆ อีก ขณะนี้เหลือเงินที่ยังไม่ได้ไม่ไปรับที่บังคับคดีอีกประมาณ 4 แสนกว่าบาท เพราะหวังว่าจะเก็บไว้เป็นเงินซื้อบ้านคืนจากเจ้าของใหม่ แต่ตอนนี้ถูกปฏิเสธไม่ขายคืน นอกจากนี้ที่ผ่านมาถูกทนายหลอกเอาเงินไปไม่น้อยจนลูกสาว 2 คนที่หาเงินมาช่วยคดีต้องเป็นหนี้ ชีวิตเหมือนมืดแปดด้าน
[caption id="attachment_212677" align="alignnone" width="840"] บ้านเดิมของนายไสว เลขที่ 85 หมู่ 8 ต.โนนน้ำเกลี้ยง อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ ที่ถูกขายทอดตลาด[/caption]
[caption id="attachment_212676" align="alignnone" width="840"] นายไสว นนทะพิทา หัวหน้าครอบครัว[/caption]
ขณะที่ ว่าที่ร้อยตรี ธีระพล โชคนำชัย นายอำเภอสหัสขันธ์ กล่าวว่า ได้รายงานข้อมูลเสนอไปยังผู้ว่าราชการจ.กาฬสินธุ์ แล้ว ตอนนี้คงต้องอยู่ที่บ้านเทิดไท้องค์ราชัน ของเทศบาลตำบลโนนน้ำเกลี้ยง ที่เพิ่งว่างไปก่อน ส่วนเรื่องคดีความ ได้มอบหมายให้ศูนย์ดำรงธรรม อ.สหัสขันธ์ ส่งเรื่องไปยังศูนย์ดำรงธรรม จ.กาฬสินธุ์ สำนักงานยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์ เพื่อระดมหาทางช่วยเหลือตามกระบวนกรกฎหมายที่พอจะมีสิทธิ์ อีกทั้งคดีนี้ถูกทนายทอดทิ้งระหว่างคดี ทำให้ไม่มีการอุทธรณ์ เป็นผลให้คดีถึงที่สุด แต่สิ่งที่กังวลคงจะเป็นเรื่องของการขอซื้อคืนบ้าน ซึ่งจะต้องรอดูเอกสาร ที่เกิดขึ้นระหว่างการพิจารณาคดีว่าได้มีการตกลงซื้อขายหรือไม่ เพราะแม้แต่จะซื้อคืนในราคาเดิมตอนนี้ในราคา 7 แสนกว่าบาท ครอบครัวยังจะซื้อยาก เนื่องจากทุกคนสูญเงินไปกับการต่อสู้คดีไปจำนวนมาก ที่ส่วนนี้คงจะต้องหาทางช่วยเหลือระดมทุนเข้ามาไว้อีกทาง