นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ กล่าวถึง พล.อ.ประยุทธ์ โดยระบุว่าการออกมาทำปฏิวัติรัฐประหาร 22 พ.ค. 57 ไม่เหมือนทุกครั้งที่ทหารทำปฏิวัติ ยืนยัน นายกฯทำเพื่อประโยชน์ชาติ เสียใจ ธนาธรหลานชาย กล่าวหา หนุนเผด็จการ
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ กล่าวถึงความเคลื่อนไหวทางการเมือง ผ่านเวที เปิดความลับประเทศไทย รายการ เจาะลึกทั่วไทย โดยระบุว่า มีการพยายามจะโยงให้เห็นว่าท่านนายกประยุทธ์ มาจากปฎิวัติรัฐประหาร ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาการปฎิวัติคือ ทหารที่อยากเข้ามาล้มล้างระบอบประชาธิปไตย โดยเพียงแต่อ้างว่ารัฐบาลมีการทุจริตคอรัปชั่นอย่างปี 2549 ก็บอกมีการทุจริตแล้วมาตรวจสอบตนเองทุกกรณี แต่ที่สุดแล้วตนเองไม่ผิด
ซึ่งการปฏิวัติทุกครั้ง ก็มักจะมีข้ออ้างนี้เป็นหลัก แต่กรณีท่านนายกประยุทธ์ มันเกิดจากที่ตนเองได้พูดไปแล้วว่าเกิดจากการเมือง 2 ขั้ว ซึ่งล่าสุดการเสนอกฎหมายนิรโทษกรรม แล้วทุกฝ่ายไม่ยอมจึงมีการออกไปสู้กันบนท้องถนน ซึ่งตนเองคิดว่าท่านออกมาทำประโยชน์ให้ชาติ เห็นว่าท่านทำประโยชน์ ซึ่งตนเองปวดใจมากที่หลานตัวเอง คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ โยงว่าเป็นนักการเมืองแต่ไปสนับสนุนเผด็จการ ตนเองจะไปสนับสนุนได้อย่างไร ในเมื่อต้องหลุดจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และโดนตรวจสอบข้อกล่าวหาเป็นเวลา 1 ปีเต็มๆ
ทุกวันคณะกรรมการตรวจสอบจะพยามวาดภาพถึงความทุจริตของตนเอง 1 ปี เต็มๆ พอคณะกรรมการ ปปช. ตัดสินแถลงข่าวแค่ 15 นาที ฉะนั้นถ้าคนไม่ได้ติดตามก็จะสรุปว่าผมทจริตแน่นอน
ส่วนเรื่องของพรรคพลังประชารัฐนั้น ยืนยันว่าไม่ได้เข้าไปเป็นผู้บริหารพรรคแต่อย่างใด ที่ทำมาคือเพียงแต่ไปเฟ้นหาผู้สมัครที่มีประสิทธิภาพ ส่งคนที่มีประสิทธิภาพเหล่านี้ไปพบปะชาวบ้าน แล้วนำสิ่งที่ชาวบ้านต้องการส่งต่อถึงพรรคพลังประชารัฐอีกที ที่ตนเองเข้ามาทำงานการเมืองครั้งนี้ โดยตัวของพรรคพลังประชารัฐ มียุทธศาสตร์และนโยบายที่ดีๆเต็มไปหมด ซึ่งความจำเป็ฯที่ตนเองจะเข้าไปแนะนำนั้นมีน้อนมาก ตนเองเพียงแค่ทำหน้าที่เสริมข้อมูลให้พรรคไปตัดสินใจเองเท่านั้น
ส่วนความเห็นเรื่องพรรคพลังประชารัฐ จะประสบความสำเร็จเหมือนพรรคไทยรักไทยไหมนั้น นายสุริยะ กล่าวว่า ที่ผ่านมา อดีตนายกทักษิณตั้งตนเองเป็นเลขาธิการพรรคเพราะเหตุใด ท่านบอกว่าเพราะตนเองไม่มีความรู้เรื่องการเมืองเลย เพราะครั้งที่ไปทำงานที่กระทรวงอุสสาหกรรม ตนเองมองเหมือนท่านว่าเอาเรื่องการบริหารบ้านเมืองเป็นหลัก เมื่อเราคิดนโยบายดีๆตอบแทนสิ่งที่ประชาชนต้องการแล้ว ในที่สุดทางการเมืองจะตามมาเอง แต่ถ้าตั้งต้นด้วยการเมืองแล้วในที่สุดการเมืองก็จะไม่ได้ ต้องมองไปว่าคนที่จะมาทำพลังประชารัฐ ซึ่งตอนที่อยู่พรรคไทยรักไทย ท่าน สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นส่วนหนึ่งและเป็นส่วนสำคัญที่จะทำนโยบายพรรคไทยรักไทย จึงกลายเป็นว่าทางพรรคเพื่อไทยก็ดี พรรคพลังประชาชนก็ดี ก็ได้รับอานิสงส์จากนโยบายของพรรคไทยรักไทยทำ ณ ขณะนั้น ซึ่งตนเองเชื่อว่าเมื่อมาทำพรรคพลังประชารัฐ คิดว่าท่านจะต้องมีนโยบายใหม่แน่เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนอีกแน่