กกต.ชงงบหาเสียงคนละ 2 ล้าน พรรคการเมือง10-70 ล้าน
รายงานข่าวจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยว่า กกต.ได้ยกร่างระเบียบการหาเสียงออกมาแล้ว ก่อนจะนำไปเสนอในที่ประชุมร่วมพรรคการเมือง 19 ธันวาคม นี้ อาทิ การติดป้ายหาเสียง กำหนดเป็น 3 ประเภท ประกาศการโฆษณา ให้ผู้สมัครทำได้ขนาดกระดาษ A3 จำนวนไม่เกิน 10 เท่า ของหน่วยเลือกตั้งในเขตนั้น
- แผ่นป้ายการโฆษณาขนาด 1.30 x2.45 ม. ผู้สมัครทำได้ไม่เกิน 2 เท่าของจำนวนหน่วยเลือกตั้ง และพรรคทำได้ไม่เกิน 1 เท่า ของจำนวนหน่วยเลือกตั้งในเขตที่พรรคส่งผู้สมัครแบบแบ่งเขต โดยสามารถมีข้อความ รูป เช่น ชื่อสกุล รูป หมายเลขผู้สมัคร รูปคู่หัวหน้าพรรค บุคคลที่พรรคมีมติเสนอเป็นนายกฯ และข้อความอื่นเท่าที่จำเป็น ต้องติดประกาศ และแผ่นป้ายในสถานที่ที่หัวหน้าส่วนราชการในเขตและตามกำหนดเท่านั้น
- ป้ายสนับสนุนการโฆษณา ส่วนนี้สำนักงาน กกต.จังหวัดจะดำเนินการจัดทำให้กับผู้สมัครทุกคน และพรรค อาจจะเป็นป้ายไวนิล แผ่นผ้าจำนวน 2 ขนาด คือขนาดกระดาษ A4 และกระดาษ A3 ขนาดละ 1 เท่าของจำนวนหน่วยเลือกตั้งในเขตเลือกตั้ง โดยจะมีรายละเอียดชื่อผู้สมัคร เขตเลือกตั้งจังหวัด รูปถ่าย ชื่อโลโก้พรรคและข้อความรณรงค์ประชาสัมพันธ์การเลือกตั้ง
- ส่วนการหาเสียงทางวิทยุและโทรทัศน์ของรัฐ กำหนดให้นับแต่ พ.ร.ฎ.เลือกตั้งใช้บังคับจนถึงก่อนวันเลือกตั้ง 2 วัน วิทยุ โทรทัศน์ของรัฐต้องจัดสรรเวลาให้ทุกพรรคการเมืองออกอากาศโฆษณาข้อความสั้น ๆ เกี่ยวกับนโยบายพรรค อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 30 วินาที และออกอากาศเพื่อแถลงนโยบายของพรรคพรรคละ 3 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 10 นาที หมุนเวียนจนกว่าจะครบทุกพรรค และการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์หาเสียงของพรรค สามารถทำได้จนถึงเวลา 18.00 น. ก่อนวันเลือกตั้ง 1 วัน
ส่วนการจัดเวทีดีเบต กกต.จะจัดเวทีประชันนโยบายบริหารประเทศ กำหนดเป็น 3 กลุ่มตามจำนวน การส่งผู้สมัคร กลุ่ม 1 พรรคที่ส่งผู้สมัครตั้งแต่ 300-350 เขต กลุ่ม 2 พรรคที่ส่งผู้สมัครตั้งแต่ 200 ถึง 299 เขต และกลุ่ม 3 พรรคที่ส่งผู้สมัครน้อยกว่า 200 เขต บุคคลที่จะดีเบตอาจเป็นหัวหน้าพรรค หรือคนที่พรรคมีมติเสนอให้เป็นนายกรัฐมนตรี
ส่วนค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งของผู้สมัคร แบบแบ่งเขต กกต.กำหนดเบื้องต้นคนละไม่เกิน 2 ล้านบาท ส่วนค่าใช้จ่ายของพรรคการเมือง กกต.เสนอคิดจากจำนวนการส่งผู้สมัครแบบแบ่งเขต
- 1-50 คนไม่เกิน 10 ล้านบาท
- 51-100 คน ไม่เกิน 20 ล้านบาท
- 101-150 คน ไม่เกิน 30 ล้านบาท
- 201-250 คน ไม่เกิน 50 ล้านบาท
- 251-300 คน ไม่เกิน 60 ล้านบาท
- 301-350 คน ไม่เกิน 70 ล้านบาท