บิ๊กเต่าจวกชลทิศไม่รายงาน ขอใช้ป่าสร้างสนามบินพังงา

วันนี้ (5 ก.ค. 60) - ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้มีการเผยแพร่เอกสารราชการผลการสอบสวนเบื้องต้นกรณีโครงการก่อสร้างสนามบิน จ.พังงา ของบริษัทบางกอกแอร์เวย์ ที่ขออนุญาตใช้ป่าสงวนแห่งชาติป่าคลองทุ่งมะพร้าว อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา กว่า 2,000 ไร่ ที่นายวิจารย์ สิมาฉายา ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รายงานต่อพล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

โดยในตอนท้ายของหนังสือพล.อ.สุรศักดิ์ได้มีคำสั่งเพิ่มเติมถึงนายชลทิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่า ว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2559 อธิบดีกรมป่าไม้มีการดำเนินการมาตลอด น่าจะใช้ดุลยพินิจถามถึงนโยบายของรัฐบาลเรื่องการขนส่งทางอากาศเพื่อให้การขออนุญาตใช้ที่ดินสอดคล้องกับนโยบายของประเทศ ขอทราบเหตุผลทำไมจึงไม่รายงานให้ทราบหรือขอนโยบาย

นายวิจารย์ กล่าวว่า ยังไม่เห็นหนังสือดังกล่าว และการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวยังไม่สมบูรณ์ เป็นเพียงผลสอบเบื้องต้น โดยคณะกรรมการจะต้องลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบสภาพป่าสงวนฯ ว่าเป็นป่าเสื่อมโทรมจริงหรือไม่ ไม่ใช่ตามที่กรมป่าไม้เสนอมาอย่างเดียว ที่สำคัญเรื่องการก่อสร้างสนามบินบริษัทบางกอกแอร์เวย์ ไม่ได้เสนอเรื่องมาที่ ทส.กระทรวงเดียว แต่เป็นส่งไปที่กระทรวงคมนาคมด้วย ทส.เป็นเพียงเจ้าของพื้นที่ป่าสงวนฯ ซึ่งต้องดูให้รอบคอบรัดกุม ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้ข้อยุติในการก่อสร้าง

ด้าน นายชลธิศ กล่าวว่า ตนจะทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการ จ.พังงา ในฐานะเจ้าของเรื่องที่ส่งมาให้กรมป่าไม้พิจารณา เพื่อขอให้มีการทบทวนข้อเสนอการขอใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าสงวนฯ เพราะข้อมูลที่ส่งมายังไม่มีความชัดเจน นอกจากนั้น ยังมีความเห็นของประชาชนในพื้นที่ ไม่เห็นด้วยกับการก่อสร้างสนามบิน ซึ่งจะต้องนำมาพิจารณาให้รอบด้าน โดยพิจารณาผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก

ส่วนกรณีที่มีการระบุว่าป่าสงวนฯ ป่าคลองทุ่งมะพร้าวเป็นป่าเสื่อมโทรมนั้น กรมป่าไม้มีหลักเกณฑ์ในการประเมินอยู่แล้วว่าแบบไหนถึงจะเรียกว่าเป็นป่าเสื่อมโทรม และป่าเสื่อมโทรมก็ไม่ได้หมายความว่าจะนำไปทำอะไรก็ได้ ยิ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทั้งป่าสงวนฯ ป่าชายเลน และความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ ดังนั้นจึงต้องถามความเห็นจากทุกฝ่ายให้รอบด้าน