ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th
วันที่ 7-7-60-การประชุมG20 ครั้งนี้ที่เยอรมนี สิ่งที่สื่อใวลชนทั่วโลกให้ความสนใจคือการเจอกันครั้งแรกของ ผู้นำสหรัฐฯและรัสเซีย สำนักข่าวCNN บอกว่า ต้องจับตาดู 5 วาระด้วยกัน
นายวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย
1.เริ่มตั้งแต่การที่ผู้นำชาติมหาอำนาจทั้งสองคนพบกันเลยว่า จะมีท่าทางอย่างไร จะนำเสนอตัวเองอย่างไร จะจับมือกันหรือไม่ จับแรงแค่ไหน เพราะนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯขึ้นชื่อเรื่องการจับมืออยู่แล้ว อย่างกรณีของนางเเองเคลา แมร์เคิล ผู้นำเยอรมนีตอนที่เจอนายทรัมป์ครั้งแรก นายทรัมป์เคยปฏิเสธการจับมือมากแล้ว แต่ตอนนี้เจอกันครั้งที่สอง-ครั้งที่สาม ท่าทีของนายทรัมป์ก็ดีขึ้น
2.การติดตามว่า พวกเขาจะคุยอะไรกัน แม้ว่าจะไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนอยู่ในห้องประชุมตลอดเวลา แต่สื่อมวลชนจะได้เก็บภาพตอนนี้ทั้งคู่พูดคุยกันสักระยะหนึ่ง
3. ความสัมพันธ์ของนายทรัมป์กับนายวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียนั้น จะซ้ำรอยนายบารัค โอบามากับนายปูตินหรือไม่ เพราะที่ผ่านมานายโอบามาและนายปูตินนั้นมีความสัมพันธ์ที่เรียกว่าไม่ดีเอามากๆ
4.การทดลองขีปนาวุธข้ามทวีปของเกาหลีเหนือในวันชาติสหรัฐฯ(4ก.ค.)ที่ผ่านมา นายปูตินจะมีความเห็นแบบไหน
5.การเยือนโปแลนด์ของนายทรัมป์จะมีผลต่อการเจอกันของทั้งสองคนหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้เมื่อต้นปีสหรัฐฯได้ส่งทหารไปโปแลนด์เพราะเป็นภารกิจของสมาชิกนาโต้4,000 นาย เพื่อปรามการขายอิธิพลของรัสเซียในยุโรปตะวันออกซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต
ย้อนไปดูสิ่งที่นายทรัมป์พูดที่โปแลนด์ก่อนที่จะเผชิญหน้ากับนายปูตินเป็นครั้งแรกกันหน่อย
" ขอเรียกร้องให้รัสเซียระงับกิจกรรมที่ทำให้เกิดความไม่สงบในยูเครนและที่อื่น ๆ "
คำพูดนี้อาจทำให้การเผชิญหน้าระหว่างนายทรัมป์และนายปูตินอาจมีความตึงเครียดได้
นายโดนัลด์ ทรัมป์
นอกจากนี้ยังมีหัวข้อการประชุม G20 ที่ยาวยืดว่า หัวข้อเหล่านี้ นายทรัมป์จะทำให้การประชุม G20 วงแตกได้ ขอยกตัวอย่าง 2 หัวข้อพร้อมด้วยประเทศคู่กรณีให้ผู้ได้เห็นภาพมากขึ้น
1. ประเด็นโลกร้อน ที่ประเทศเจ้าภาพการประชุม โดยนางเเมร์เคิลพูดถึงนายทรัมป์แต่ไม่ได้พูดตรงๆ ว่า "We cannot wait until every last person on Earth has been convinced of the scientific proof." เเปลว่า“เราไม่สามารถรอจนเหลือมนุษย์คนสุดท้ายบนโลกที่จะยอมรับหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับโลกร้อนได้ ”
ผู้นำ G20 หลายประเทศก็แสดงเรื่องนี้อย่างชัดเจน เช่นนายเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำของฝรั่งเศส ถึงขั้นเชื้อเชิญนักวิจัยทางสิ่งแวดล้อมในสหรัฐให้ไปอยู่ที่ฝรั่งเศส นายนเรนทา โมดี นายกรัฐมนตรีของอินเดีย นายมัลคอล์ม เทิร์นบูลล์ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ซึ่งบอกว่า "disappointing but not at all surprising." เเปลความว่า"เป็นความผิดหวังที่สหรัฐถอนตัวออกจาก Paris agreement แต่ก็ไม่ได้แปลกใจแม้แต่น้อย "
2.ประเด็นการค้า เช่น NAFTA นั้น จุดยืนของนายทรัมป์ก่อนหน้านี้บอกว่า ไม่ยุติธรรมและปล้นงานไปจากคนอเมริกัน แต่ในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมานายทรัมป์เจรจากับแคนาดาและเม็กซิโกในเรื่องนี้ และยังถอนตัว TPP ( Trans-Pacific Partnership) 12 ประเทศที่นายโอบามาทำไว้โดยมีข้อตกลงเกี่ยวกับการลดภาษีสินค้านำเข้า -ส่งออกของสหรัฐฯ แลกกับ แรงงาน สิ่งแวดล้อม การปกป้องทรัพย์สินทางปัญญากับธุรกิจขนาดใหญ่
ส่วนนายสี จิ้น ผิง ผู้นำของจีน ก็ใช้โอกาสนี้ในการประกาศจุดยืนที่จะทำการค้าเสรีกับโลกต่อไปว่า ควรลงทุนในประเทศที่เปิดกว้าง และไม่มีการกีดกันทางการค้า
ด้านนักวิเคราะห์ชี้ว่า หลายประเทศอาจจะมีปัญหาเพราะนายทรัมป์จะขึ้นภาษี เพราะเป็นประเทศที่สหรัฐฯขาดดุลการค้าด้วย