นายกฯเปิดใจ "ปีจอ ต้องเป็นหมาใจดี ไม่ดุ" ยัน!ครม.ดวงเสริมกันไม่มีดวงตก

นายกฯ เปิดใจ ร่วมกิจกรรมพบปะสื่อทำเนียบ กินมื้อเที่ยง บอกปีจอต้องเป็นหมาใจดีไม่ดุ ย้ำไม่เคยเป็นศัตรูกับสื่อ ยันครม.ดวงเสริมกันไม่มีดวงตก - 4 ม.ค.61- พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เปิดใจกับสื่อมวลชนในงานกิจกรรมสัมพันธ์ ต้อนรับปีใหม่โดยพูดถึงความรู้สึกตลอดการทำงาน 3 ปีที่ผ่านมา และได้นำหนังสือพิมพ์ที่อ่านในทุกวันและทุกฉบับมาโชว์ให้สื่อมวลชนได้เห็นถึงการติดตามข้อมูลข่าวสาร พร้อมกล่าวว่า ที่ผ่านมาไม่เคยจำกัดสิทธิเสรีภาพสื่อ ไม่เคยห้าม ไม่เคยนำใครมาลงโทษ ส่วนใครจะรักใครจะชังก็ไม่เป็นไร ทั้งนี้ ในนามคณะรัฐมนตรี ก็มีความตั้งใจที่จะพบกับสื่อมวลชน และก็ขอนำคำอวยพรจากทุกคนใน คณะรัฐมนตรีมาอวยพรให้สื่อมวลชนที่รักและเคารพทั้งหลาย โดยเฉพาะการเคารพในเสรีภาพของสื่อมวลชนด้วย และตนพร้อมจะเป็นผู้ให้กับทุกคน โดยขอให้ทุกคนร่วมมือกัน "วันนี้ปีจอ เป็นปีสุนัข เราต้องมีชีวิตอยู่ในปีหมา ด้วยความสงบเงียบ เป็นหมาที่ไม่ดุ ใจดี หมา คือสุนัขที่ซื่อสัตย์กับมนุษย์มากที่สุด ใครจะว่าดวงตก ดวงแตกอยู่ที่การกระทำ อยู่ที่จิตใจของเรา ถ้าดวงไม่ดีแต่ใจเราดี ก็ฟันฝ่าอุปสรรคไปได้ อุปสรรคคือกำลังใจและบทเรียนตนคิดแบบนี้จึงอยู่ได้ถึงวันนี้ ตลอดราชการ 40 ปี อยู่ด้วยกำลังใจและศรัทธาและคิดว่ารองนายกฯ ทุกคนก็มีศรัทธาแบบผม เชื่อว่า ต้องดีขึ้นตั้งแต่ ปี 57 ไม่ว่าใครดวงตก ดวงแตก ครม. ดวงดีเยอะก็เสริมคนดวงไม่ดี เป็น ครม. ที่ดวงเสริมกัน ผมไม่สนใจ อยู่ที่ความดี เชื่อมั่น ศรัทธา รักประเทศและแผ่นดิน อย่าทำลายศักดิ์ศรีประเทศกันอีกเลย" พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า ตนเข้าใจการทำงานของสื่อและเสรีภาพไม่ตลอดและไม่เคยเอาใครมาลงโทษ จึงเป็นสิ่งที่แตกต่างระหว่างรัฐบาลของคนกับประเทศอื่นที่เข้ามาแบบนี้ และไม่ว่าตนจะอยู่มา 3 ปีหรือกี่ปี ต้องคำนึงว่าคนในประเทศต้องการอะไร ถ้าไม่ต้องการให้แก้ไขตนก็อยู่ไม่ได้จนถึงวันนี้ขอให้เข้าใจสิ่งที่ตนคิดในใจ ยืนยันว่าตนไม่เคยเป็นศัตรูกับสื่อ แม้กระทั่งโฆษกรัฐบาลก็บอกให้นิ่ง เป็นคนน่ารักกับสื่อ สื่อหลายคน ก็บอกพลโทสรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปลี่ยนไป สรุปทุกคนเปลี่ยนหมด ยกเว้นสื่อที่ไม่ต้องเปลี่ยนตัวเอง ตนทราบว่าเป็นการทำข่าว แต่เป็นการสร้างประเด็นขึ้นมา หลังจากนี้ตนจะไม่ตอบประเด็นเหล่านี้กับสื่ออีก เพราะถือว่าต้องแก้กัน 2 ทาง เมื่อบอกให้ตนยิ้มอารมณ์ดี ก็ต้องช่วยกัน เพราะสังคมยังสับสนว่า 3 ปีได้อะไรขึ้นมา จึงขอถามกลับว่าแล้ว 3 ปีที่ผ่านมาเสียอะไรไปบ้าง อะไรดีขึ้นบ้าง