‘วัฒนา’ ขอความเป็นธรรม ยัน ไม่ได้เรียกรับผลประโยชน์บ้านเอื้ออาทร

วันที่ 7 พ.ค.61 นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยถึงกรณีการถูกดำเนินคดีเรียกรับผลโยชน์ การรับผลประโยชน์ และการแก้ไขทีโออาร์จากโครงการบ้านเอื้ออาทร ในสมัยนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ว่าคดีดังกล่าวเป็นเรื่องทางการเมืองที่มุ่งเป้ามาที่ตนเองเนื่องจากพบข้อพิรุธ การดำเนินคดีหลายอย่าง โดยคดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อปี 2549 ภายหลังเกิดการรัฐประหาร ซึ่ง คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำผิดที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ (คตส.) ได้มีการตรวจสอบ สิ่งใดส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดเพื่อฟ้องตนเองและพวก แต่กลางปี 2551 แต่อัยการสูงสุดเห็นว่าสำนวนยังไม่สมบูรณ์จึงมีการตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่างอัยการสูงสุดและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) เพื่อไต่สวน ซึ่งรวมระยะเวลาในการไต่สวนเกือบ 12 ปี ก่อนที่ อัยการจะนัดตนเองไปพบเพื่อนำตัวไปฟ้องคดีในวันที่ 9 พฤษภาคมนี้ จึงมองว่า ความล่าช้าที่เกิดขึ้นเกิดจากความไม่สมบูรณ์ของข้อเท็จจริงเพราะตนเองไม่ได้มีความผิด ซึ่งการแก้ไขปรับปรุงทีโออาร์ดังกล่าว ทำเพื่อผลประโยชน์และแก้ไขข้อบกพร่องของโครงการบ้านเอื้ออาทร ซึ่งถือเป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จและไม่เคยความเสียหายแก่รัฐมาจนถึงขณะนี้ นอกจากนี้ยังยืนยันด้วยว่าตนเองไม่ได้เรียกทรัพย์ผลประโยชน์ในที่ประชุมตามที่กล่าวอ้าง และจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ก็ยังไม่พบความเชื่อมโยงมาที่ตนเอง

นายวัฒนากล่าวด้วยว่าในคดีนี้ป.ป.ช.ได้ส่งสำนวนให้อัยการสูงสุด โดยไม่มีการแถลงข่าวถึงมติของป.ป.ช.และไม่มีการลงประกาศหน้าเว็บของปปช พร้อมอ้างว่าเจ้าของสำนวน ไม่ต้องการให้ตนเองทราบเพราะอาจจะมาร้องขอความเป็นธรรม ซึ่งจะทำให้ส่งสำนวนไปยังอัยการสูงสุดไม่ได้ จึงมองว่าการกระทำดังกล่าวขัดต่อหลักนิติธรรมเนื่องจากความผิดตามมาตรา 148 มีโทษถึงประหารชีวิตจึงเป็นสิทธิ์ของกลุ่มผู้ถูกกล่าวหาที่จะขอความเป็นธรรม

อย่างไรก็ตาม นายวัฒนา ย้ำว่า มั่นใจในความบริสุทธิ์และพร้อมที่จะต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ แม้ไม่ได้ต่อสู้คดีภายใต้กระบวนการที่ทำตามปกติ ซึ่งขณะนี้ทางฝ่ายกฎหมายและทีมทนายกำลังเตรียมหลักทรัพย์ในการยื่นประกันตัวในวันที่ 9 พ.ค.นี้ หลังจากอัยการจะนำตัวไปส่งฟ้องที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

นายวัฒนา ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย เดินทางไปพบนายทักษิณ และ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ประเทศสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 4-6 พ.ค.นั้น ว่า ไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมายเพราะไม่ได้เบิกเงินหลวงไป แต่ไปพบและไปรับประทานอาหารกันด้วยความเคารพรักเท่านั้น โดยมองว่าเรื่องดังกล่าวไม่สามารถนำไปสู่ความผิดถึงขั้นการยุบพรรคได้