2 พี่น้องอัศวเหม นำทัพ พปชร. ลงสนามปากน้ำ
พรรคพลังประชาชนรัฐ เปิดตัวผู้ชิง ส.ส.จังหวัดสมุทรปราการ 2 อัศวเหม นำทัพสู้ศึกเลือกตั้ง ตั้งเป้าทวงคืนพื้นที่จากเพื่อไทย หลังตระกูลดังปากน้ำต้องสูญเสียเก้าอี้เลือกตั้งสนามใหญ่กว่า 20 ปี
2 อัศวเหมนำทัพ พปชร. ปากน้ำ
พรรคพลังประชารัฐเปิดตัว ว่าที่ผู้สมัครส.ส.สมุทรปราการ ประกอบด้วย เขต 1 นายอัครวัฒน์ อัศวเหม อดีตนายกอบจ.หัวหน้าทีม เขต 2. ตอนเปิดตัวครั้งแรก วางตัวนายวรพร อัศวเหม ลูกชายนายสมพร อัศวเหม อดีตส.ส. 5 สมัย และอดีตรัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ รัฐบาลพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นายวรพร ตอนนี้เป็นนายกสมาคมกีฬาจังหวัดสมุทรปราการ
แต่ล่าสุด มีชื่อว่าที่ผู้สมัครเขต 2 เป็น ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา อ.เมือง นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และบริษัทขายวัสดุก่อสร้าง บริษัทไต้ทงแมชชีนเนอรี่ จำกัด ลงแทน จากเดิมวางตัวจะให้ลงปาร์ตี้ลิสต์
เขต 3 น.ส.ภริม พูลเจริญ ส.จ.อำเภอเมือง ลูกสาวนายสุพัฒ์ พูลเจริญ อดีตนายกเทศมนตรีตำบลด่านสำโรง
เขต 4 นายจตุรงค์ นกขมิ้น ลูกชายนายธงชัย นกขมิ้น นายกเทศมนตรีตำบลราชาเทวะ อำเภอบางพลี ที่โดนคสช.ให้งดปฏิบัติหน้าที่ 2 ปี เพิ่งจะคืนตำแหน่งให้เมื่อเร็วๆนี้
เขต 5 นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก อดีต.สส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย แต่เลือกตั้งปี 54 ย้ายไปอยู่พรรคภูมิใจไทย เลยสอบตก ถูกศรินทิพย์ สุขวัฒน์ (ชัยสะดมภ์)ลูกสาวนายประเสริฐ สุขวัฒน์ อดีตสส.แย่งเก้าอี้ไป
เขต 6 พื้นที่ฝั่งอำเภอพระประแดง นายฐาปกรณ์ กุลเจริญ หลานชายนายสนิท กุลเจริญ อดีตส.ส. 9 สมัย คู่ปรับนายวัฒนา อัศวเหม ประมุขของตระกูลม้าทองคำ “อัศวเหม” ตลอดมา แต่ภายหลังจูบปากกันได้ เขตนี้ต้องเจอศึกหนัก อดีตส.ส.เจ้าของพื้นที่ 4 สมัย เรวดี รัศมิทัต ลูกสาวนายอำนวย รัศมิทัต อดีตนายกอบจ.สมุทรปราการ พรรคภูมิใจไทย
คู่แข่งแข็งโป้กอีกคนในเขตนี้ น.ส.นฤมล ธารดำรง (ประสพดี) น้องสาวของนายประชา ประสพดี อดีตรัฐมนตรีช่วยมหาดไทย ที่แย่งเก้าอี้ส.ส เขตนี้ ไปจากเรวดีได้ 1 สมัย
เขต 7 เดิมเป็นพื้นที่ของนายประชา แต่โดนปปช.ฟันจนหลุดจากตำแหน่ง ล่าสุดพรรคเพื่อไทยเอานันทนา ประสพดี ภรรยานายประชาลงแทน พรรคประชารัฐส่งนายต่อศักดิ์ อัศวเหม ลูกพี่ลูกน้องนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ลงสู้ในเขตนี้ อาศัยฐานเสียงเก่าของนายพูลผล อัศวเหม พี่ชายนายชนม์สวัสดิ์ และความเป็นเลือดเนื้อเชื่อไขตระกูลอัศวเหม เป็นใบเบิกทางประกอบ
สำหรับจังหวัดสมุทรปราการ เลือกตั้งส.ส.ตั้งแต่ปี 2544 เป็นต้นมา ถือเป็นพื้นที่ครอบครองของพรรคเพื่อไทยตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย และยังเป็นฐานมวลชนคนเสื้อแดงที่สำคัญอีกจังหวัดหนึ่ง
