svasdssvasds

ถอดสาระสำคัญ "พ.ร.บ.ไซเบอร์" ข้อกังวลชาวบ้าน-นักการเมือง-โซเชียล

แรงกระเพื่อมหลัง พ.ร.บ.ไซเบอร์ ผ่านความเห็นชอบของ สนช. ชาวเน็ต เปิด 8 ประเด็นความน่ากลัว กฎหมายไซเบอร์ เปิดช่องรัฐสอดส่องเต็มที่ ขณะที่รองเลขาธิการพรรคไทยรักษาชาติ ประกาศจะยื่นทบทวนกฎหมายนี้ หากได้เป็นรัฐบาล

ภายหลังที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้มีการผ่านร่าง พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ หรือ พ.ร.บ.มั่นคงไซเบอร์ฯ ให้บังคับใช้เป็นกฎหมาย แต่ก่อนหน้าพบว่า เครือข่ายสังคมออนไลน์ได้มีการเคลื่อนไหวคัดค้านกฎหมายฉบับนี้ จนแฮชแท็ก #พ.ร.บไซเบอร์ ฮิตติดชาร์จอันดับหนึ่งในทวิตเตอร์มาต่อเนื่อง

ถอดสาระสำคัญ "พ.ร.บ.ไซเบอร์" ข้อกังวลชาวบ้าน-นักการเมือง-โซเชียล

เพื่อเรียกร้องให้ สนช.หยุดการพิจารณา และให้สภาที่จะมาจากการเลือกตั้งพิจารณาแทน เนื่องจากมองว่า เป็นกฎหมายที่กระทบสิทธิเสรีภาพของประชาชน โดยเว็บไซต์ ilaw.or.th ระบุประเด็นที่น่ากังวลมีอย่างน้อย 8 ประเด็น ได้แก่

ถอดสาระสำคัญ "พ.ร.บ.ไซเบอร์" ข้อกังวลชาวบ้าน-นักการเมือง-โซเชียล

1. นิยามภัยคุกคามไซเบอร์ตีความได้กว้างครอบคลุม “เนื้อหา” บนโลกออนไลน์ โดยเฉพาะมาตรา 59 กลับเปิดทางให้ตีความ “ขยาย” ความหมายของภัยคุกคามไซเบอร์ให้กว้างขึ้น เช่น “อันกระทบหรืออาจกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนหรือเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ" ซึ่งการเขียนกฎหมายเช่นนี้ เสี่ยงต่อการที่ในอนาคตอาจมีผู้ที่เจตนาไม่ดี ตีความให้คำว่า “ภัยคุกคามไซเบอร์” ครอบคลุมถึงประเด็น “เนื้อหา” บนโลกออนไลน์มากกว่าเรื่องระบบ

2. เจ้าหน้าที่รัฐสามารถขอข้อมูลจากใครก็ได้เพื่อประโยชน์ในการทำงาน ในมาตรา 61 ระบุว่า เพื่อประโยชน์ในการวิเคราะห์สถานการณ์ และประเมินผลกระทบจากภัยคุกคามไซเบอร์ เลขาธิการคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (กมช.) มีอำนาจขอความร่วมมือจากบุคคลให้มาให้ข้อมูล หรือทำข้อมูลเป็นหนังสือเกี่ยวกับภัยคุกคามไซเบอร์ และสามารถขอข้อมูล เอกสาร หรือสำเนาข้อมูล ที่อยู่ในการครอบครองของผู้อื่นได้ หากเห็นว่า เป็นประโยชน์ รวมถึงสามารถเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ หรือสถานประกอบการที่เกี่ยวข้องกับภัยคุกคามไซเบอร์ได้ แต่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ครอบครองสถานที่นั้น

3. กฎหมายให้อำนาจเจ้าหน้าที่ ยึด-ค้น-เจาะ-ทำสำเนา คอมพิวเตอร์ ระบบคอมพิวเตอร์ และข้อมูลคอมพิวเตอร์ มาตรา 65 กำหนดว่า ในกรณีที่คณะกรรมการกำกับดูแลด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (กกม.) เห็นว่า มีภัยคุกคามไซเบอร์ในระดับที่ร้ายแรงขึ้นไป ให้เจ้าหน้าที่รัฐสามารถตรวจค้นสถานที่ได้ และสามารถค้นคอมพิวเตอร์ เข้าถึงข้อมูล เข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ เจาะระบบ หรือทำสำเนาเอาข้อมูลทั้งหมดในคอมพิวเตอร์หรือในระบบคอมพิวเตอร์ไปได้ รวมถึงสามารถยึดหรืออายัดคอมพิวเตอร์ไว้ได้ หากมีเหตุอันควรเชื่อว่ามีความเกี่ยวข้องกับภัยคุกคามไซเบอร์

ถอดสาระสำคัญ "พ.ร.บ.ไซเบอร์" ข้อกังวลชาวบ้าน-นักการเมือง-โซเชียล

4. เมื่อมีภัยคุกคามไซเบอร์ร้ายแรงขึ้นไป เจ้าหน้าที่รัฐสามารถสอดส่องข้อมูลได้แบบ Real-time มาตรา 67 วรรคสองระบุว่า ในกรณีที่มีภัยคุกคามระดับร้ายแรงหรือวิกฤต และเพื่อประโยชน์ในการป้องกัน ประเมินผล รับมือ ปราบปราม ระงับ และลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ ให้เลขาธิการคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติโดยความเห็นชอบของ กกม. มีอำนาจขอข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน และต่อเนื่อง (ข้อมูลแบบ Real-time) จากผู้ที่เกี่ยวข้องกับภัยคุกคามไซเบอร์

5. ในกรณีจำเป็นเร่งด่วน เจ้าหน้าที่สามารถใช้อำนาจได้โดยไม่ต้องขอหมายศาล โดยตาม ร่าง พ.ร.บ.มั่นคงไซเบอร์ฯ การจะเข้าถึงข้อมูลหรือระบบคอมพิวเตอร์ การทำสำเนา การเจาะระบบ หรือยึดอายัด เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการ “ขอหมายศาล” เพื่อให้มีอำนาจในการดำเนินการ แต่ถ้าในกรณีจำเป็นเร่งด่วน ก็สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องยื่นขอหมายศาล

6.การใช้อำนาจยึด ค้น เจาะ หรือขอข้อมูลใดๆ ไม่สามารถอุทธรณ์เพื่อยับยั้งได้ มาตรา 68 กำหนดว่า ไม่อนุญาตให้ผู้ที่ได้รับคำสั่งอันเกี่ยวกับการรับมือภัยคุกคามไซเบอร์อุทธรณ์คำสั่งได้ในกรณีที่เป็นการใช้อำนาจเมื่อมีภัยคุกคามในระดับร้ายแรงขึ้นไป

ถอดสาระสำคัญ "พ.ร.บ.ไซเบอร์" ข้อกังวลชาวบ้าน-นักการเมือง-โซเชียล

7.เมื่อมีภัยคุกคามไซเบอร์ระดับวิกฤติ ให้เป็นอำนาจหน้าที่ของสภาความมั่นคงแห่งชาติ มาตรา 66 กำหนดให้ กรณีที่เกิดภัยคุกคามไซเบอร์ในระดับวิกฤติ ให้เป็นหน้าที่ และอำนาจของสภาความมั่นคงแห่งชาติในการดำเนินการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ตามกฎหมายว่าด้วยสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือกฎหมายอื่นทีเกี่ยวข้อง

8.ผู้ใดฝ่าฝืน และไม่ปฏิบัติตามคำสั่งมีทั้งโทษปรับ และโทษจำคุก ในกรณีที่ผู้เป็นเจ้าของ ผู้ครอบครอง หรือผู้ใช้คอมพิวเตอร์ หรือระบบคอมพิวเตอร์ หรือผู้ดูแลระบบคอมพิวเตอร์ ไม่ดำเนินการใดๆ ตามที่เจ้าหน้าที่รัฐสั่ง เช่น ไม่ได้ตรวจสอบ แก้ไข หรือแม้แต่กำจัดไวรัสที่มีผลเป็นภัยคุกคามไซเบอร์ ก็จะมีความผิดไปด้วย โดยกำหนดโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท

ถอดสาระสำคัญ "พ.ร.บ.ไซเบอร์" ข้อกังวลชาวบ้าน-นักการเมือง-โซเชียล

ด้าน นายต้น ณ ระนอง รองเลขาธิการพรรคไทยรักษาชาติ ระบุว่า กฎหมายฉบับนี้เป็นเรื่องที่ดี และเป็นกำลังสำคัญของประเทศ แต่ตัวเนื้อหายังมีความน่าเป็นห่วงในเรื่องของการตีความ และการบังคับใช้กฎหมาย ดังนั้นหากวันหนึ่งตนมีโอกาสเข้ามาเป็นรัฐบาล ตนผลักดันให้เกิดการทบทวน พ.ร.บ. ฉบับนี้

related