เลือกตั้ง62 : "ศรีวราห์" สรุปฉีกบัตร 7 คดี ส่วนใหญ่รู้เท่าไม่ถึงการณ์

พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกตั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ไปยังกองบัญชาการตำรวจทั่วประเทศ เพื่อติดตามความเรียบร้อยการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎ์ หรือ ส.ส.พร้อมเปิดเผยว่าจากการตรวจสอบภาพรวมในช่วงเช้าพบหลายพื้นที่มีการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง เช่น มีการฉีกบัตรลงคะแนน7 คดี

แต่ส่วนใหญ่ผู้ก่อเหตุเป็นคนมีอาการทางจิต มึนเมาสุราและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่พบว่ามีเจตนาทำลายการเลือกตั้ง,และพบการซื้อสิทธิขายเสียงในพื้นที่ จ.สงขลา และ จ.อุบลราชธานี,ส่วนกรณีตำรวจวางตัวไม่เป็นกลางพบในพื้นที่ จ.นครราชสีมา แต่เป็นการร้องเรียนโดยอาศัยสถานการณ์ทางการเมืองเรียนเรียนตำรวจด้วยกันเองอยู่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริง โดยภาพรวมพบการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งแล้วกว่า 20 คดี

ส่วนการถ่ายภาพเซลฟี่กับบัตรลงคะแนนในคูหาเลือกตั้งและโพสต์ลงในโชเชียลรวมถึงการโพสต์ หรือติดแฮทแท็กในลักษณะหมิ่นแหม่ จากการตรวจสอบของกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. ยังไม่พบการกระทำผิด แต่ได้มีการตรวจสอบอยู่ตลอด เช่นเดียวกับการพนันทายผลการเลือกตั้งออนไลน์ ก็ยังไม่พบ หากพบได้สั่งการให้ดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด

สำหรับเหตุการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ใช้กำลังตำรวจกว่า 30,000นาย และได้เตรียมชุดหน่วยเคลื่อนที่เร็วเพื่ออำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัย หากเกิดกรณีฉุกเฉิน โดยขณะนี้ เหตุการณ์ยังปกติ ส่วนกรณีโซเชียลมีการเผยแพร่ข้อความที่กลุ่ม BRN เชิญชวนประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง ยอมรับว่ามีการเผยแพร่ในโซเชียลจริง แต่ยังไม่พบหลักฐานเชื่อมโยงที่ชัดเจน

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวยอมรับว่ามีพรรคการเมือง 4-5 พรรค ได้ประสานขอกำลังตำรวจไปรักษาความปลอดภัย แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ปฏิเสธคำร้องขอ เนื่องจากเหตุผลยังไม่เพียงพอ ส่วนหลังการปิดลงคะแนนแล้ว หากมีประชาชนที่ไม่พอใจผลการเลือกตั้งออกมาชุมนุม ตำรวจจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยได้เตรียมสถานที่และพื้นที่คุมขังสำหรับผู้ที่ทำผิดรองรับได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 คน

พร้อมย้ำว่า หากประชาชนออกมารวมตัวกันเพื่อให้กำลังใจ สามารถทำได้ แต่หากมีการประท้วงคัดค้าน จะเข้าข่ายตามความผิดพ.ร.บ.ชุมนุม เบื้องต้นยังไม่มีการข่าวว่าจะมีผู้ออกมาชุมนุมแต่อย่างใด