svasdssvasds

กินปูร้อนท้อง!ชูวิทย์ แซวแรงหลังสำนักอัยการแจงคดี เสี่ยกำพล พร้อมยัน ออส.ไม่มีเอี่ยว

กินปูร้อนท้อง!ชูวิทย์ แซวแรงหลังสำนักอัยการแจงคดี เสี่ยกำพล พร้อมยัน ออส.ไม่มีเอี่ยว

ติดตามข่าวสารwได้ที่ https://www.springnews.co.th

วันที่ 21 ก.ย. ที่ผ่านมา นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้เขียนบทความผ่านลงเฟซบุ๊กส่วนตัวเกี่ยวกับคดี วิคตอเรีย ของเสี่ยกำพล โดยมีข้อสงสัยในคดีพื่อเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะและสังคม แทนประชาชนโดยมีข้อความดังนี้

1. คดีที่อยู่ในความสนใจจับจ้องของสังคม เช่น คดีค้ามนุษย์ ศาลที่พิพากษาเป็นเพียงศาลชั้นต้น ยังมิได้สิ้นสุดกระบวนการของกฎหมาย อีกทั้งเป็นคนละคดีกัน และจำเลยเป็นคนละกลุ่มกัน สามารถนำคำพิพากษาศาลชั้นต้นอีกคดี มาใช้อ้างอิงเพื่อขอถอนหมายจับผู้ต้องหาอีกคดีได้หรือไม่?

2. คำสั่งถอนหมายจับ ที่ผู้ต้องหาเป็นจำเลยในอีกคดีที่เกี่ยวเนื่องกัน เป็น “ผู้หลบหนีหมายจับ” ในระหว่างดำเนินคดี

ผู้ต้องหาที่หลบหนีสามารถยื่นขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด ในขณะหลบหนีหมายจับไปต่างประเทศอยู่ ได้หรือไม่?

3. มีการตัดทอนคำพิพากษาของคดีที่เกี่ยวเนื่องกันเป็นเพียงบางส่วน เพื่อนำมาเป็นประโยชน์ในการพิจารณาถอนหมายจับ ให้แก่ผู้หลบหนีในอีกคดีได้หรือไม่?

4. นายกำพลเป็นผู้มีอิทธิพลทางการเงิน มีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 3,000 ล้าน ย่อมส่งผลถึง การที่ให้พนักงานระดับล่าง (เชียร์แขก) รับสมอ้างเพื่อให้ระดับสั่งการรอด (นายกำพล และนางนิภา) มีอัยการที่เห็นต่างในคดี ต้องการยื่นอุทธรณ์

และเพื่อให้โอกาสในการพิสูจน์ข้อกล่าวหา สมควรให้ผู้หลบหนีคดีมามอบตัวเพื่อเข้าสู่กระบวนการของศาล ก่อนตัดตอนถอนหมายจับ หรือไม่?

เพราะการถอนหมายจับบางคนในกลุ่มเจ้าของ ย่อมเป็นที่เคลือบแคลงสงสัยของสาธารณชน

โดยเฉพาะการเอาคดีอาญาที่แม้มีข้อเท็จจริงเดียวกัน ย่อมไม่อาจมีผู้ใดกล่าวอ้างนำเอาข้อเท็จจริงในคดีอาญาก่อนหน้า มาใช้เป็นบทตัดสำนวนในคดีอาญาที่กำลังพิจารณาอยู่ได้ ศาลต้องเปิดโอกาสให้มีการนำสืบข้อเท็จจริงด้วยพยานหลักฐาน เพื่อพิสูจน์ความผิดหรือความบริสุทธิ์ของจำเลย

ทั้งนี้เพราะว่าคำพิพากษาในคดีก่อน ย่อมมีสถานะเป็นเพียงพยานบอกเล่า

แต่ไฉนท่านอัยการจึงไปตัดสินด้วยตัวเองในการถอนหมายจับ?

5. นายรณสิทธิ์ มูลนิธิเอ็นเวเดอร์ ยืนยันพร้อมยื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรี ภายในอาทิตย์นี้ เพื่อร้องว่าคำให้การของตัวเองถูกตัดทอน แล้วไปใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อนายกำพล และนางนิภา ในการถอนหมายจับ

การใช้ดุลยพินิจทางกฎหมายของอัยการย่อมต้องตีความเพื่อเป็นคุณต่อแผ่นดินอย่างเป็นธรรม ไม่ช่วยเหลือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

ยิ่งหากเป็นคดีค้ามนุษย์ที่เป็นนโยบายหลักของรัฐบาล ยิ่งต้องระมัดระวังในการใช้ดุลยพินิจให้เป็นประโยชน์กับสังคม

ผมจะถือโอกาสร่วมยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม และเผยแพร่ต่อประชาชนผู้มีใจบริสุทธิ์ ต่อต้านขบวนการ “ธุรกิจเพศพาณิชย์” ที่ใช้เด็กอายุ 12-13 ปีมาค้าบริการทางเพศ เพื่อเป็นประโยชน์และเป็นบรรทัดฐานทางกฎหมายต่อไป หากเกิดกรณีเช่นเดียวกันนี้อีก

เพราะความผิดเพี้ยนของการใช้ดุลยพินิจ คือ

คนเป็นผัวเมียอยู่กินกันมาเป็นสิบๆ ปี ใช้เงินในกระเป๋าเดียว แล้วมันจะไม่รู้เลยเชียวหรือว่า ผัวมันทำมาหากินอะไร?

อัยการยืนยันว่าผัวผิด สั่งฟ้องต่อ แต่เมียดันไม่ผิด

นี่หากผมไม่พูดขึ้นมาเสียก่อน ป่านนี้ผัวคงขึ้นเครื่องบินกลับบ้านไปแล้ว"

หลังจาก นายชูวิทชุวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้โพสลงผ่านเฟสบุ๊ค

ทางด้าน นายประยุุทธเพชรคุณ รองโฆษกสำนักอัยการสูงสุด ได้ออกมาแถลงข่าวกรณีดังกล่าวถึงการดำเนินคดีของพนักงานอัยการ ผู้ต้องหาบริษัทวิคตอเรียซีเคร็ท ซึ่งมีนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ เป็นเจ้าของและนางนิภา วิเทพสุภรร์ เป็นภรรยา ซึ่งนายกำพล วิระเทพสุภรณ์กำลังหลบหนีอยุ่ในขณะนี้   มีการพาดพิงถึงนายวงศ์สกุล กิตติพรหมศ์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษว่ามีส่วนรู้เห็นเกี่ยวรูปคดีแต่แท้จริงแล้วคดีของ"วิคตอเรีย"นั้นอยู่ในอำนาจของพนักงานงานอัยการสำนักงานคดีค้ามนุษย์ ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนายวงศ์สกุล กิตติพรหมศ์ เพราะไม่อยู่ในความรับผิดชอบในสำนักงานคดีพิเศษแต่อย่างใด

ล่าสุดวันที่ 24 ก.ย. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ให้ความเห็นทำนองเหน็บแนมว่า กินปูร้อนท้อง? หลัง ออส.ได้ออกมาแถลงข่าวถึงคดี "วิคตอเรีย"  ว่านายวงศ์สกุล กิตติพรหมศ์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ไม่มีเอี่ยวกับคดีนี้แต่อย่างใด ทำให้สังคมเฝ้าตามถึงบทสรุปคดีนี้เพราะผู้ต้องหา เสี่ยกำพล หรือ นายกำพล วิระเทพสุภรณ์ ยังคงหลบหนีอยู่

 

กินปูร้อนท้อง!ชูวิทย์ แซวแรงหลังสำนักอัยการแจงคดี เสี่ยกำพล พร้อมยัน ออส.ไม่มีเอี่ยว

ข้อมูลที่มา: ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์

related