ทีมวิจัยจุฬาฯ ค้นพบแอนตี้บอดี้รักษามะเร็ง ขอคนไทยแค่ 5 บาท ต่อยอดผลิต “ยาภูมิต้านรักษามะเร็ง”
“ฮึ่ย! จริงเหรอครับหมอ”
“จริงสิคุณเบลล์ ม ะ เ ร็ ง เป็นโร คที่เป็นสาเหตุการตา ยอันดับ 1 ของประเทศไทยนะ คนไทยมีอัตราการเป็น ม ะ เร็ง ถึง 40% เลย”
“เชรดดดด…เกือบครึ่ง”
ไม่กูก็มึงแล้วว่ะโอ๊ต…
…
แค่คิดก็ปวดกบาลแล้ว
ผมเคยเชื่อมาตลอดว่า ม ะ เ ร็ งมันเป็นเรื่องไกลตัวสุดๆ
เหมือนเรื่องเล่าในหนังในนิยาย
จนมาได้เจอกับตัวว่าเรามีคนใกล้ชิดเป็นโร คนี้ อยู่เรื่อยๆ
ก็เริ่มเอะใจว่า
ม ะ เ ร็ งเป็นเรื่องใกล้ตัวสุดๆ เลยนี่หว่า…
…
ผมคงไม่มาเล่าว่าเป็น ม ะ เ ร็ งแล้วต้องรักษายังไง?
หรือทำยังไงให้เราห่างไกลจาก ม ะ เ ร็ งได้ ?
แต่ที่ผมจะเล่ามันเป็นเรื่องอเมซซิ่งมากของวงการแพทย์
ซึ่งมันเกิดขึ้นแล้วและพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ว่า
…
“ม ะเ ร็ ง มีทางรักษาได้แล้ว โดยไม่ต้องทำคีโม”
…
ผมได้รู้จักกับคุณหมอไตรรักษ์ พิสิษฐ์กุล หรือ หมอไต่ ซึ่งท่านทำงานอยู่ที่ศูนย์ความเป็นเลิศด้านภูมิคุ้มกันบำบัด ม ะ เ ร็ ง
คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ผ่านการแนะนำของ หมอเมย์
คุณหมอผ้าบัฟคนเก่งประจำกองก้าว
“นี่พี่ชายเมย์เอง พี่เบลล์ช่วยหน่อยนะ”
…
คำถามแรกในใจผมเลยคือ…
ผมจะเอาปัญญาที่ไหนไปช่วยหมอได้?
เรื่อง ม ะ เ ร็ ง มันเกินสติปัญญาคนบ้านๆ อย่างเราไปเยอะเลย
…
หมอไต่เล่าให้ผมฟังว่า
ในยุคนี้มีการรักษา โ ร ค ม ะเ ร็ ง ทางเลือกแบบใหม่
ที่ไม่ต้องใช้คีโมหรือเคมีบำบัด ก็ทำการรักษาผู้ป่วย ม ะ เ ร็ ง ได้
เวลาทำคีโม มันจะทำให้เกิดผลข้างเคียงกับผู้ป่วย ม ะ เ ร็ ง หลายอย่างเช่น มีไข้ หนาวสั่น ซีด เหนื่อย อ่อนเพลีย มีจุดเลือดจ้ำเลือดตามตัว คลื่นไส้ อาเจียน เจ็บ
ปากเจ็บคอ ท้องเสีย อุจจาระมีสีดำ ท้องผูก ผมร่วง ฯลฯ
สรุปคือผู้ป่วยจะทุกข์ทรมานมากๆ
…
แต่ถ้าเราสามารถรักษา ม ะ เ ร็ ง ได้โดยไม่ต้องคีโม
และมีโอกาสหายสูงเช่นกัน
นั่นคือสิ่งวิเศษของมนุษยชาติเลย…
และมันก็เกิดขึ้นแล้ว
…
โดย ศ.ดร.เจมส์ อัลลิสัน (James Allison) แห่งมหาวิทยาลัยแห่งรัฐเท็กซัสของอเมริกา และศ.นพ.ทาสุกุ ฮอนโจ (Tasuku Honjo) แห่งมหาวิทยาลัยเกียวโต (Kyoto University)
2 คุณหมอนักวิจัยที่ค้นพบวิธีการรักษา ม ะ เ ร็ ง
ด้วยการใช้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายมนุษย์
ไม่ต้องทำคีโม…แค่ฉีดยาหลายเข็มหน่อย
รักษาได้จริง การันตีด้วยรางวัลโนเบลสาขาการแพทย์ประจำปี 2018
…
ผมถามหมอไต่ว่าโอกาสในการรักษาด้วยวิธีนี้มันมีโอกาสหายแค่ไหน
หมอบอกว่า ผู้ป่วย ม ะ เ ร็ ง ระยะสุดท้ายที่รักษาด้วยวิธีการนี้
ยังมีโอกาสหายขาดถึง 30% โดยไม่ต้องทำคีโม
และมีโอกาสที่จะเพิ่มเปอร์เซ็นต์การรอดชีวิตขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต
…
ที่อเมริกาจะประกาศว่า
ม ะ เ ร็ งเป็น โ ร ค ที่ “ควบคุมได้” ภายในปี 2020
สุดยอด…
…
กลับมาบ้านเรา…ผมถามหมอไต่ว่า
คนไทยเราสามารถทำการรักษา แบบนี้ได้ไหม?
…
หมอบอกว่าได้ แต่ยามันจะแพงหน่อย
เข็มละ สองแสนบาท
เดี๋ยวนะ…
เข็มละสองแสนบาทฉีดทุกสามสัปดาห์ไม่ต่ำกว่า 17 เข็ม
ในใจตอนนั้นคิดว่า “แล้วกูจะไปเอาตังที่ไหนมาจ่ายค่ายาวะ?”
…
“มันเข้า 30 บาทมั๊ยหมอ?”
“ไม่เข้าครับเนื่องจากราคายามันสูงมาก เข้า30บาทไม่ไหว
ยกเว้นว่า เราจะผลิตยาได้เอง”
…
เดิมทีหมอไต่เป็นหมอรักษา ม ะ เ ร็ ง อยู่ที่สหรัฐอเมริกา
คุณหมอสนใจศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับการรักษา ม ะ เ ร็ ง
โดยเสริมความแข็งแกร่งให้เม็ดเลือดขาว
เพราะมีผลข้างเคียงน้อย โอกาสหายสูง
หมอไต่เองก็เกิดแรงบันดาลใจว่า
อยากจะกลับมาทำยาตัวนี้ให้คนไทยได้ใช้
แล้วแกก็ลาออกจากโรงพยาบาลที่อเมริกา…กลับมาเมืองไทย
เพื่อวิจัยงานชิ้นนี้อย่างจริงจัง
…
นับว่าเป็นอีกหนึ่งคนบ้า…ที่ผมยินดีที่ได้รู้จัก
ใช่ครับ…หมอไต่และทีมแพทย์ที่จุฬากำลังหาทางผลิตยารักษา ม ะ เ ร็ งแบบใหม่นี้มาให้คนไทยได้ใช้
…
ผมถามหมอว่าเอาเงินที่ไหนมาทำการวิจัย
เพราะรู้ว่าสาเหตุที่ยามันแพงก็เพราะค่าทำ Lab ทำการทดลองนี่ละ
(ซึ่งเป็นสิ่งที่บ้านเราไม่ค่อยให้การสนับสนุนกันเท่าไหร่เพราะมันเห็นผลช้า ไม่เหมือนสร้างห้องน้ำสร้างสะพาน ที่เห็นของจะๆ ใช้ได้เลย)
…
หมอไต่บอกว่าได้รับเงินสนับสนุน
จากคณะแพทย์ศาสตร์จุฬาลงกรณ์ มาก้อนใหญ่
และได้ใช้เงินตรงนั้นทำห้อง Lab ขึ้นมา
เพื่อศึกษาเรื่องยารักษา ม ะ เ ร็ ง ตัวใหม่อย่างเข้มข้นเร่งด่วน
แต่งบที่ได้มามันชนเพดานแล้ว
ถ้าจะไปต่อจากนี้ต้องใช้วิธีการระดมทุน
…
อ้อ! คนอย่างเบลล่าถึงมาเสนอหน้าแถวนี้ได้
บทของผมอยู่แถวนี้นี่เอง
แต่…ผมไม่กล้ารับปากหมอว่าจะช่วยแกในครั้งแรก…
…
เพราะมันคืองานวิจัยที่ยังไม่เห็นผลชัดเจน
ผมไม่กล้าบอกกับคนทั่วไปว่ามาช่วยบริจาค
ให้คณะแพทย์จุฬากันเถิดเดี๋ยวเค้าจะผลิตยารักษา ม ะ เ ร็ ง ราคาถูก
มาให้เราได้ใช้กันถ้วนหน้า
…
มันดูเพ้อฝันเกินไป…
…
ใน Lab ของหมอไต่นั้นผมได้เห็นนักวิจัย
เอาตัวยาหยดใส่ถาดที่มีหลุมเล็กๆ หลายร้อยหลุม
ในปริมาณที่แตกต่างกันในแต่ละหลุม
ซึ่งหนึ่งในหลุมนั้น จะมีอันที่ใช้ได้และถูกนำมาผลิตเป็นตัวยาต่อไป
…
“หมอหยดไปกี่หลุมแล้วครับ”
“ก็หลายแสนหลุมแล้วครับ”
“ใช้มือหยดเนี่ยนะ?”
“จริงๆ ถ้ามีหุ่นยนต์จะเร็วขึ้นกว่านี้เป็นร้อยเท่า…แต่หุ่นมันตัวละร้อยล้าน เราเลยต้องใช้มือหยดไปก่อน”
กรรม…แล้วเมื่อไหร่จะได้?
…
ผมจากหมอไต่มาแบบค้างคาใจว่า
ทางหมอๆ เค้าจะทำได้เหรอ หยดไปเรื่อยๆ แบบนี้
แล้วก็ไม่กล้าช่วยแกหาทุน เพราะมันดูเลื่อนลอยไปหน่อย
เหมือนเล่นพนันแล้วกลัวจะได้ไม่คุ้มเสีย
…
เราห่างกันไป 8 เดือน…
จนกระทั่งไลน์เด้งเตือนขึ้นมาเป็นข้อความจากหมอไต่ว่า…
…
“คุณเบลเราได้ยาต้นแบบ 1 ตัวแล้วครับตอนนี้ต้องเร่งระดมทุนนำยาต้นแบบเข้าขั้นตอนต่อไปครับ”
เฮ้ยยยยยยยย!!!!!!
ปาฏิหารย์ชัดๆ ไม่รู้ว่าแกยาหยอดไปกี่ล้านหลุมแล้ว
ถึงได้ผลออกมาอย่างนี้
ผมรีบกลับไปที่ โรงพยาบาลจุฬา ในวันรุ่งขึ้น
เพื่ออัพเดทความคืบหน้ากับคุณหมอ
“ตอนนี้เราได้ตัวอย่างมาแล้ว และต้องการเงินก้อนหนึ่งเพื่อไปผลิตตัวยาในขั้นตอนต่อไป”
“ถ้าได้เงินก้อนนี้ เราจะได้ตัวยามาใช้สำหรับทดลองในสัตว์ก่อน และถ้าผลออกมาได้ดี จะสามารถนำมาใช้กับคนได้ต่อไป ซึ่งในการรักษากับคน เราจะรับรักษาผู้ป่วยชุดแรกฟรี”
…
และถ้ายาตัวนี้สามารถผลิตออกมาได้
จะลดราคาจากเข็มละสองแสน เหลือไม่เกินสองหมื่นบาท
และไม่แน่ว่าในอนาคตยาตัวนี้จะสามารถเข้าประกันสังคมได้
เป็นอีกทางเลือกใหม่ให้กับคนไทยทั้งประเทศ
ถึงเรื่องนี้จะเป็นฝัน…ก็ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว
…
“ขาดอีกกี่บาทครับหมอ” ถามตรงๆ
“สิบล้านบาทครับ”
ได้สิบล้านส่งตัวอย่างเข้าโรงงานผลิตได้เลย…
…
ผมอยากชวนพวกเราทุกคนคิดครับว่า
เรามีคนใกล้ชิดที่ป่วยด้วย โ ร ค ม ะเ ร็ ง หรือเปล่า?
แล้วถ้าเรามีทางเลือกที่ดีกว่าในการรับการรักษา
ไม่ต้องทุกข์ทรมานจากเคมีบำบัด
เพิ่มโอกาสการได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ป่วย ม ะ เ ร็ ง
ในราคาที่จับต้องได้ หรือสุดท้ายมีโอกาสเป็นสวัสดิการ
ที่คนไทยได้รับสิทธิ์ทุกคน
เราจะสนับสนุนคนที่ทำงานเหล่านี้หรือไม่?
หมอไต่บอกผมว่า มันยังมีอีกหลายขั้นตอน
กว่าจะที่ยาตัวนี้จะสำเร็จมาให้คนไทยมาใช้กันได้ถ้วนหน้า
ยังต้องใช้เงินอีกมากมาย ในขั้นตอนการนำมารักษากับมนุษย์
ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผน ภายใน 4-5 ปีนี้ คนไทยจะได้ใช้แน่นอน
…
แต่ตอนนี้ เดือดร้อนอยู่ 10 ล้านบาท
ถ้าได้เงินมางานวิจัยจะไปต่อได้
พวกเราคนไทยเอาไงดี?
…
สำหรับผม ผมเลือกที่จะวางเดิมพันความเชื่อไว้
ให้กับหมอไต่และคณะแพทย์จุฬาครับ
เพราะคำพูด จากหมอไต่ว่า…
“ไม่ต้องกดดันนะคุณเบลล์ ถึงเราไม่ได้รับความช่วยเหลือจากทีมคุณเบลล์ พวกเราก็ยังทำต่อ และหาทางไปด้วยตัวเองให้ได้…ยังไงเราก็ทำ”
…
ผมอยากจะบอกหมอว่า…
“ขอให้พวกเราเป็นอีกหนึ่งแรงเถอะหมอ นิดเดียวก็ยังดี”
…
พวกเราที่สนใจอยากสนับสนุน
สามารถบริจาคให้กับ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านภูมิคุ้มกันบำบัด ม ะ เ ร็ ง
คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ตามเลขบัญชีที่ผมแนบมาให้ได้เลย
10 ล้านบาทจะว่าเยอะก็เยอะ แต่จะบอกว่าไม่เยอะก็ใช่
ถ้าพวกเราร่วมใจกัน
มาสู้กับ ม ะ เ ร็ ง กันครับ
เริ่มต้นด้วยการช่วยกันแชร์บทความนี้ก่อนก็ได้
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ CU Cancer Immunotherapy Fund