svasdssvasds

รวบพรานป่าลักลอบล่าเสือไฟได้พร้อมซากของกลางและอาวุธปืน

รวบพรานป่าลักลอบล่าเสือไฟได้พร้อมซากของกลางและอาวุธปืน

ติดตามข่าวสารwได้ที่ https://www.springnews.co.th

วันที่ 17 ธ.ค. 62   นายวายุกฤช  ศรีสุนนท์  พนักงานพิทักษ์ป่า ระดับ ส. 3 เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมตัวนายสมชาย เพชรเม็ดเต็ง  อายุ 54 ปี  อยู่บ้านเลขที่ 99/1  หมู่ 7 ต.บ้านคา  อ.บ้านคา  จ.ราชบุรี  ซึ่งเป็นพรานป่า พร้อมของกลางอาวุธปืนลูกซองยาว 1 กระบอก กระสุนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 5 นัด รถจักรยานยนต์สีดำ ยี่ห้อฮอนด้าดรีม ทะเบียน ขพท – 633 ราชบุรี ไฟฉายส่องติดบนศีรษะ 1 อัน ใบกัญชาจำนวน 500 กรัม และซากเสือไฟแม่ลูกอ่อนจำนวน 1 ตัว ถูกลูกกระสุนปืนยิงเข้าที่ลำตัวชายโครงด้านซ้าย   ขณะกำลังนำซากเสือไฟลงมาจากบนยอดเขา ช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 16 ธ.ค. ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้แสดงตัวเข้าจับกุมพร้อมนำตัวมาสอบสวนที่สถานีตำรวจภูธรบ้านคา

รวบพรานป่าลักลอบล่าเสือไฟได้พร้อมซากของกลางและอาวุธปืน

ต่อมาทาง พ.ต.ต. จรินทร์ เที่ยงธรรม  สารวัตรสอบสวน สภ.บ้านคา ได้ร่วมกับนายวายุกฤช ศรีสุนนท์  พนักงานพิทักษ์ป่า ระดับ ส. 3 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านคา ได้นำผู้ต้องหา พร้อมของกลางซากสัตว์ป่า เดินทางขึ้นเขาไปยังที่เกิดเหตุเพื่อทำแผนประกอบคำรับสารภาพ  ซึ่งต้องเดินเท้า ขึ้นเขาไปบริเวณที่เกิดเหตุ สภาพการเดินที่ยากลำบาก  และมีความลาดชันสูง ลัดเลี้ยวไปตามป่าไม้น้อยใหญ่ มีต้นไผ่รวกขึ้นปกคลุมอยู่ในช่วงฤดูผลัดใบ โดยใช้ระยะทางไปกลับประมาณเกือบ 7  กิโลเมตร ใช้เวลาการเดินเกือบ  3 ชั่วโมง

รวบพรานป่าลักลอบล่าเสือไฟได้พร้อมซากของกลางและอาวุธปืน

โดยนายสมชาย   เพชรเม็ดเต็ง  ให้การรับสารภาพว่า  ขึ้นมาล่าสัตว์มาไม่บ่อย แต่สมัยเด็ก ๆ มาหาของป่าบ่อยจึงรู้เส้นทาง มีสัตว์ป่าจำนานมากหลายชนิด ช่วงเวลาประมาณ 1 ทุ่มกว่า กำลังนั่งอยู่ที่กอไผ่ ส่องไฟเห็นสัตว์ป่าตัวลาย ๆ ตาสีเขียวเดินเข้ามาในระยะประมาณ 10 – 15 เมตร จึงยิงด้วยปืนลูกซองเพราะคิดว่าเป็นอีเห็น แต่พอไปดูจึงพบว่าเป็นเสือไฟ จึงได้นำซากลงมา ส่วนปลอกกระสุนปืนที่ยิงนั้นได้ทิ้งไประหว่างเดินทางกลับ เนื่องจากเป็นเวลากลางคืน จึงไม่รู้ว่าทิ้งไว้บริเวณไหน เจ้าหน้าที่จึงเดินหาไม่พบปลอดกระสุนปืน

รวบพรานป่าลักลอบล่าเสือไฟได้พร้อมซากของกลางและอาวุธปืน

ส่วน นายวายุกฤช ศรีสุนนท์ พนักงานพิทักษ์ป่า ระดับ ส. 3  เปิดเผยว่า นายชุมพล  แก้วเกตุ  หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี ได้ให้เจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่าวังครก ออกเดินลาดตระเวนในพื้นที่รับผิดชอบอย่างเข้มงวด เนื่องจากเป็นช่วงหน้าแล้ง ใกล้ช่วงเทศกาลปีใหม่ จะเป็นช่วงที่มีสัตว์ลงมาหาแหล่งน้ำกิน พร้อมจัดกำลังส่วนหนึ่งออกหาข่าวทราบว่าจะมีการออกล่าสัตว์ป่าในพื้นที่ อาจจะมีการสั่งล่าสัตว์ป่าเพื่อนำมาฉลองในเทศกาลส่งท้ายปี   จึงได้จัดแบ่งกำลังออกเป็น 2 ชุด เดินลาดตระเวนพื้นที่  ช่วงขณะที่กำลังลาดตระเวนช่วงบริเวณปากทาง ได้เจอรถจักรยานยนต์จอดซุ่มอยู่ประมาณ 3 ทุ่มคืนที่ผ่านมา  จึงได้วางกำลังดักซุ่มตามเส้นทางเดิน พอเจอผู้ต้องหาออกมาเตรียมสตาร์ทรถจึงเข้าแสดงตัวจับกุมทันที พร้อมกับเจอของกลางดักล่าวตรวจสอบอายุเสือไฟคาดว่าน่าจะเป็นแม่ลูกอ่อน เนื่องจากมีร่องรอยการดูดนมที่เต้านมเสือไฟ  ซึ่งถือเป็นสัตว์คุ้มครองที่อยู่ในภาวะใกล้สูญพันธุ์ในพื้นที่   โดยผู้ต้องหารับสารภาพว่าจะล่าสัตว์ป่าดังกล่าวนำไปกินเป็นอาหาร ขณะที่ผู้ต้องหารายนี้มีรายชื่ออยู่ในบัญชีกลุ่มเป้าหมายอยู่แล้ว และได้รับรายงานจากสายข่าวมาตลอด แต่ก็ยังไม่เคยจับกุมตัวได้เลยสักครั้งเดียว   จึงได้นำตัวส่งดำเนินคดีตาม พ.ร.บ. พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.  2562  ฐานกระทำต่อสัตว์ป่าสงวน ซากสัตว์ป่าคุ้มครอง หรือผลิตภัณฑ์จากซากสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครองต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 - 15 ปี  หรือ ปรับตั้งแต่ 300,000-  1,500,000 บาท  หรือทั้งจำทั้งปรับ  ครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองซากสัตว์ป่าดังกล่าว ห้ามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี  หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท  หรือทั้งจำทั้งปรับ นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

รวบพรานป่าลักลอบล่าเสือไฟได้พร้อมซากของกลางและอาวุธปืน

related