ศรีสุวรรณ จรรยา เผย เตรียมนำหลักฐานไปร้องเรียนให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินให้ตรวจสอบในเร็วๆ นี้ จากกรณี ค่าไฟแพงผิดปกติ 2563 ถาม ทำไมต้องคิดค่าไฟแบบขั้นบันได (อัตราก้าวหน้า) ทั้งๆ ที่ควรคิดตามปริมาณการใช้จริงพี่ครับ
จากกรณี ค่าไฟแพงผิดปกติ 2563 วันที่ 20 เม.ย. 63 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่มีผู้ใช้ไฟฟ้าออกมาบ่นและร้องเรียนว่าค่าไฟฟ้าในเดือนรอบบิลที่ผ่านมา
ทำไมจึงมีราคาแพงแบบก้าวกระโดด ทั้งๆ ที่รัฐบาลออกพระราชกำหนดฉุกเฉินขอให้ประชาชนอยู่กับบ้าน เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อโรคไวรัสโควิด-19 ควรที่จะหันมาดูแลเอาใจใส่ต่อปัญหา ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่ทำได้แค่ลดค่าไฟให้ 3 % เท่านั้น
กรณีดังกล่าว เป็นความผิดพลาด ล้มเหลวของการบริหารจัดการระบบพลังงานไฟฟ้าทั้งระบบของรัฐบาล ตั้งแต่การฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ โดยให้เอกชนมาผลิตไฟฟ้ามากเกินกว่าที่รัฐธรรมนูญกำหนดเกินกว่า 70 % ไปแล้ว
โดยมีการทำสัญญาซื้อขายถาวรล่วงหน้า ทำให้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาโครงสร้างราคาได้ เพราะโรงไฟฟ้าของรัฐผลิตได้ไม่ถึง 30 % นั่นเอง
ทำให้ขณะนี้มีปริมาณการผลิตกระแสไฟฟ้ามากถึง 43,372 เมกะวัตต์ ซึ่งส่วนใหญ่ซื้อมาจากเอกชน ขณะที่ปริมาณการใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 28,338 เมกะวัตต์ (สถิติใช้ไฟฟ้าสูงที่สุดเมื่อปี 62 เพียง 32,272 เมกะวัตต์)
ทำให้ปริมาณไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้เหลือทิ้งเป็นปริมาณที่สูงมาก ทำให้ภาครัฐต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมฉกเงินจากกระเป๋าผู้ใช้ไฟฟ้าทุกครัวเรือนโดยผ่านค่า FT ไปจ่ายให้เอกชนตลอดเวลา
รวมทั้งการคิดค่าไฟฟ้าแบบขั้นบันได (อัตราก้าวหน้า) คือ ใช้จำนวนมากก็เสียค่าไฟฟ้ามากขึ้น ทั้งๆ ที่ควรเรียกเก็บตามปริมาณการใช้ไฟฟ้า ตามจำนวนหน่วยต่อเดือนจากปริมาณการใช้จริง ซึ่งเรื่องนี้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)ต้องมีคำตอบ
ก่อนหน้านี้รัฐบาลโดยคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานได้มีมติเห็นชอบให้การไฟฟ้าทั้งหลายทั้ง กฟผ. - กฟน. และ กฟภ. ลดอัตราค่าบริการไฟฟ้าสุทธิที่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้วลงอีก 3% ให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าทุกประเภท ตั้งแต่บิลค่าไฟฟ้างวดเดือน เม.ย.-มิ.ย. รวม 3 เดือน
แต่นั่นเป็นเพียงเศษเสี้ยวของการช่วยเหลือประชาชนแบบจิ๊บๆ เท่านั้น แต่ทำมาเป็นคุยโวเสียใหญ่โตว่าได้ช่วยประชาชนในยุคโควิด-19 แล้ว ทั้งๆ ที่ควรจะลดค่าไฟฟ้าให้ทุกครัวเรือน 50% ในยามที่ต้องอยู่บ้านหนีภัยโควิด-19 ตามนโยบายของรัฐบาล ส่วนในระยะยาวต้องเร่งลดสัดส่วนโรงไฟฟ้าเอกชนลงมาให้ได้ 50% จึงจะชอบ
การที่หลายบ้านได้รับบิลค่าไฟฟ้าแพงมหาโหด ทั้งๆ ที่เทียบกันเดือนต่อเดือนแล้วไม่น่าจะแพงขนาดนั้น และได้ส่วนลด 3 % แล้วก็ยังแพงอยู่ดีนั้น เรื่องนี้อาจมีกลเล่ห์ฉลที่ซ่อนเงื่อนงำไว้อีกมาก ที่รัฐบาลโดยหน่วยงานไฟฟ้า และผู้กำกับไฟฟ้า ไม่ได้บอกความจริงต่อประชาชนทั้งหมด
โดยเฉพาะการเตรียมการการจ่ายโบนัสให้พนักงานเจ้าหน้าที่กันอย่างมากมายแบบอู้ฟู้ บนความเดือดร้อนของประชาชนในยุคโควิด-19
และรวมทั้งการจัดซื้อจัดหาอุปกรณ์การผลิต การส่ง การบำรุงรักษาไฟฟ้าที่ราคาแพงเว่อร์ๆ ซึ่งเป็นต้นทุนของการไฟฟ้าที่ผลักภาระมาให้ผู้ใช้ไฟฟ้าทุกครัวเรือนช่วยรับผิดชอบทั้งสิ้น
ซึ่งเรื่องนี้สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยจะนำหลักฐานไปร้องเรียนให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบในเร็วๆ นี้ นายศรีสุวรรณกล่าวในที่สุด