สตง.จี้กสทช.แจงโครงการอินเตอร์เน็ตชายขอบ

สตง. กำลังตรวจสอบโครงการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง และสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ในพื้นที่ชายขอบ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของ กสทช.

นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เปิดเผยกับสปริงนิวส์ว่า สตง.ได้ทำหนังสือสอบถามโครงการเน็ตชายขอบของ แล้ว จำนวน 3 ฉบับ คือฉบับวันที่ 24 ก.ค. 2560/ 7 ส.ค. 2560 และล่าสุด 31 ส.ค. 2560 เพื่อให้กสทช. ทบทวนหลายประเด็น อาทิ ต้องปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของรัฐบาล ตามมติครม.เมื่อ วันที่ 19 ม.ค. 2559 และ 7 ธ.ค. 2559 ที่มอบหมายให้ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดำเนินกิจกรรมการขยายโครงข่ายอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และ บริษัท กสท. โทรคมนาคม จำกัด(มหาชน) เป็นผู้ดำเนินกิจกรรมเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเตอร์เน็ตระหว่างประเทศ ของอาเซียน แต่กสทช. ได้ประกวดราคาหาผู้ให้บริการ ที่มีเอกชนเข้ามาดำเนินโครงการ ซึ่งจะกระทบโครงข่ายหลัก หรือ Blackbone network ซึ่งเป็นเรื่องความมั่นคงของชาติ เพราะหากเอกชนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโครงข่ายหลัก เพราะเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาโครงการ 5 ปี กสทช.ซึ่งลงทุนโครงข่ายส่วนนี้ ก็ต้องส่งมอบทรัพย์สินโครงข่ายทั้งหมดให้กับกระทรวงดีอี ก็จะมีปัญหาตามมากับการให้บริการกับประชาชน

ผู้ว่าสตง. บอกด้วยว่า นอกจากนี้ สตง.ยังต้องการให้กสทช. ชี้แจงกรณีที่มีการระบุข้อมูลค่าบริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ที่มีการตกลงกับผู้ชนะการประกวดราคา ที่ความเร็ว 30 เมกกะบิท ราคาต้องไม่เกิน 200 บาท ต่อเดือน จาก 599 บาท/เดือน นั้นมีวิธีการคิดต้นทุนต่อหน่วยของครัวเรือนอย่างไร

และได้ดำเนินการแล้วหรือยัง พร้อมกับขอให้กสทช.ส่งสำเนาข้อตกลงมายังกสทช.

สตง.ตั้งข้อสังเกตว่าเป็นเรื่องยากที่จะลดค่าอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงเหลือ 200 บาท ดังนั้นส่วนต่างกสทช.จะนำเงินจากส่วนใดมาอุดหนุนหรือไม่ และอัตราค่าบริกานี้ได้มีการพิจารณาให้สอดรับโครงการเน็ตประชารัฐของกระทรวงดีอี ด้วยหรือไม่

ผู้ว่าสตง.ยืนยันว่า สตง.ไม่ได้ขวางความเจริญของประเทศ แต่ต้องการให้มีการดำเนินการให้ถูกต้อง ไม่ทำให้รัฐเสียประโยชน์ อย่างไรก็ตามขอให้กสทช. ทำหนังสือชี้แจงกลับมาภายในวันที่ 11 ก.ย. นี้