svasdssvasds

"สองพี่น้องเสนพงศ์" ระทึก ศาลนัดสืบพยาน ชี้ชะตาคดีทุจริตเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีฯ

"สองพี่น้องเสนพงศ์" ระทึก ศาลนัดสืบพยาน ชี้ชะตาคดีทุจริตเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีฯ

“เทพไท-มาโนช” 2 พี่น้องตระกูลเสนพงศ์ จำเลยคดีทุจริตเลือกตั้งระทึก ศาลนัดสืบพยาน 3 วัน พิจารณาคดีต่อเนื่อง จ่อชี้ชะตาคดีทุจริตเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช – ไม่รอคดีค้างอัยการสูงสุดจะสั่งคดีหรือ

ที่ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 23 กันายน 2562 นายมาโนช เสนพงศ์ นายเทพไท เสนพงศ์ สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งตกอยู่ในฐานะจำเลยที่ 1 และ 2 ในคดีอาญาทุจริตการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่มีนายพิชัย บุณยเกียรติ อดีตนายก อบจ.นครศรีธรรมราช เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องดำเนินคดีกับจำเลยทั้งสองราย โดยทั้งโจทก์และจำเลยได้เดินทางมายังศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อสอบคำให้การ โดยโจทก์ทั้งสอง ให้การปฏิเสธและขอต่อสู้คดีในชั้นศาล

"สองพี่น้องเสนพงศ์" ระทึก ศาลนัดสืบพยาน ชี้ชะตาคดีทุจริตเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีฯ

ในการสอบคำให้การมีรายงานว่านอกจากนายเทพไท เสนพงศ์ และนายมาโนช เสนพงศ์ จำเลยที่ 1 และ 2 ให้การปฏิเสธ ขณะที่นายเทพไทได้แถลงขอเลื่อนคดีโดยอ้างเหตุในการติดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร แต่ทว่าศาลได้พิจารณาพบว่าในขั้นตอนการสืบพยานโจทก์และจำเลยจะอ้างว่าติดสมัยประชุม หรือติดประชุมสภาผู้แทนราษฎรไม่ได้เพราะกฎหมายรัฐธรรมนูญ ฉบับ 2560

รวมทั้งหลักการพิจารณาของศาลเป็นระเบียบของศาลฎีกาห้ามไม่ให้ผู้ใดขัดขวางกระบวนการพิจารณาของศาล จึงไม่สามารถยกข้ออ้างใดมาเพื่อเลื่อนการพิจารณาคดีของศาลได้ ศาลจึงกำหนดวันนัดสืบพยานทั้งโจทก์และจำเลยทันที โดยหลังจากศาลได้กำหนดวันนัดแล้ว ปรากฏว่าทั้งนายเทพไท เสนพงศ์ และนายมาโนช เสนพงศ์ ได้เดินทางออกจากศาลทันที เนื่องจากก่อนหน้าได้เข้ามอบตัวและยื่นประกันตัวต่อศาลไว้ก่อนแล้ว

นายสุวิทย์ ศิริวุฒิ ทนายโจทก์ เปิดเผยว่า ฝ่ายจำเลยได้ปฏิเสธต่อสู้คดี ศาลจึงได้กำหนดวันนัดคดี โดยฝ่ายโจทก์มีพยาน 10 ปาก ส่วนฝ่ายจำเลยนั้นได้แสดงพยานจำนวน 16 ปาก กำหนดวันนัดทั้งโจทก์และจำเลยคนละ 1 นัดครึ่ง หรือ 1 วันครึ่ง เป็นการพิจารณาต่อเนื่องรวม 3 วัน คือวันที่ 21 ,22,และ 23 มกราคม 2563 หลังจากสืบพยานเสร็จทั้ง 2 ฝ่ายจะเข้าสู่การพิจารณาและรอฟังคำพิพากษาของศาลในชั้นนี้

คดีทุจริตเลือกตั้งนายองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช กำลังกลายเป็นคดีสำคัญทางการเมืองอีกครั้ง คดีเนื่องจากผู้ที่ตกเป็นจำเลยที่ 2 ในคดีนี้คือนายเทพไท เสนพงศ์ ปัจจุบันมีตำแหน่งเป็น สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งคดีอาจส่งผลกระทบโดยตรงกับพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากห้วงเวลาที่เกิดเหตุนั้นอยู่ในระหว่างการดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค และรองเลขาธิการพรรค

ส่วนจำเลยที่ 1 ในคดีนี้คือนายมาโนช เสนพงศ์ อดีตนายก อบจ.นครศรีธรรมราช ซึ่งต้องคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง หรือที่เรียกว่า “ใบแดง” มีอันต้องพ้นจากตำแหน่ง พร้อมทั้งมีภาระต้องชดใช้ค่าเสียหายในการเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช อีกเกือบ 100 ล้านบาท โดยสำนวนคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 8 เป็นหลักฐานเอกสารข้อเท็จจริงที่สำคัญในการดำเนินคดีกับจำเลยทั้งสองราย

ส่วนข้อมูลขั้นตอนคดีนี้ หลังจากศาลอุธรณ์ภาค 8 ได้พิพากษาความคดีเลือกตั้งที่หมายเลขดำที่ ลต.6/2556 แดงที่ 1490/2558 ไปแล้ว สำนักงานคณะกรรมการเลือกตั้งได้ดำเนินคดีอาญา โดยได้แจ้งความร้องทุกข์ในคดีอาญากับนายมาโนช เสนพงศ์ และนายเทพไท เสนพงศ์ กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เมื่อเกือบ 5 ปีก่อน

หลังจากนั้นคดีอยู่กระบวนการชั้นพนักงานสอบสวนมาจนถึงปัจจุบันในชั้นอัยการสูงสุด จนถึงปัจจุบัน แต่กลับไม่มีความคืบหน้าทางคดี จนในที่สุดนายพิชัย บุณยเกียรติ ซึ่งเป็นผู้เสียหายในคดีได้เลือกที่จะนำคดีเข้ายื่นฟ้องเป็นคดีอาญาต่อศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ด้วยตัวเอง โดยศาลได้ประทับรับฟ้อง ทำให้ทั้งนายเทพไท และนายมาโนช เสนพงศ์ ทั้งสองตกเป็นจำเลย โดยทั้งคู่ได้เข้ามอบตัวต่อศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 19 กันยายน ที่ผ่านมาและประกันตัว สำหรับวันนี้จึงเดินทางมายังศาลในคดีนี้และในการสอบคำให้การทั้งคู่ให้การปฏิเสธ

สำหรับสำนวนคดีที่ค้างอยู่ที่สำนักงานอัยการสูงสุด จากชั้นพนักงานสอบสวนจนปัจจุบันกำลังเข้าสู่ปีที่ 5 แม้อัยการสูงสุดจะยังไม่สั่งคดี แต่ถือว่าไม่เป็นผลใดๆ แล้ว หากสั่งฟ้องคดี จะส่งผลให้ทั้งคู่จะต้องตกเป็นจำเลยอีกคดีจะต้องเข้ามอบตัวและประกันตัวอีกครั้ง ทั้งนี้อัยการสามารถร้องต่อศาลให้ศาลพิจารณารวมคดีกับคดีที่ผู้เสียหายเป็นโจทก์ยื่นฟ้องเองก็ได้ และอีกทางหากอัยการสั่งไม่ฟ้องคดีถือว่าไม่มีผลใดๆเนื่องจากคดีได้ถูกยื่นฟ้องจากผู้เสียหายโดยตรงและศาลได้ประทับรับฟ้องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาแล้ว

related