คุณปู่วัย 94 ปี ยังเก็บ”ดอกพิกุลเงิน-ทอง”พระราชทานจากพระหัตถ์ในหลวง ร.9 ไว้กว่า 40 ปี

นายน้อง ดีแปลง ชาวบ้านหนองเขื่อนช้าง ต.หนองยาง อ.เมือง จ.สระบุรี นำดอกพิกุลเงินและพิกุลทองซึ่งทำมาจากโลหะ และพระเครื่องบุชา ที่ได้รับพระราชทานจากพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เมื่อคราวเสด็จทรงประกอบพิธียกช่อฟ้าอุโบสถวัดหนองเขื่อนช้าง เมื่อวันที่ 16 เม.ย. 2519 หรือกว่า 40 ปีที่ผ่านมา ไว้เป็นอย่างดี ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตได้มีโอกาสเข้าเฝ้าอย่างใกล้ชิด

นายน้อง ในวัย 94 ปี กล่าวว่า ของพระราชทานได้เก็บไว้มงคลแก่ตัวเองและครอบครัว แม้เวลาจะผ่านล่วงเลยมากว่า 40 ปี แล้ว โดยเมื่อครั้งนั้นได้มีโอกาสเข้าเฝ้ารับพระราชทานของที่ระลึกเนื่องจากตนได้ทูลเกล้าถวายเงินจำนวน 2 พันบาทโดยเสด็จพระราชกุศลเพื่อสมทบในการสร้างอุโบสถวัดหนองเขื่อนช้าง และบริจาคที่ดินอีกจำนวน 2 งานให้กับวัด  พร้อมเปิดเผยว่า ในชีวิตได้มีโอกาสเห็นพระองค์จริงในหลวงรัชกาลที่ 9 จำนวน 2 ครั้ง กล่าวคือเมื่อครั้งเสด็จไปเยี่ยมทหารที่จ.ลพบุรี ขณะนั้นปู่น้องเป็นทหารเกณฑ์ถูกส่งไปฝึก และเมื่อคราวเสด็จประกอบพิธียกช่อฟ้าอุโบสถวัดหนองเขื่อนช้าง ผู้สื่อข่าวถามว่ารู้สึกอย่างไร ปู่น้องกล่าวว่า “พระองค์มีความสง่างาม มีความใจดี ทรงรักและเป็นห่วงทหาร จึงถือเป็นบุญของตนเอง”

ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ได้เสด็จวัดหนองเขื่อนช้าง ต.หนองยาวใต้ อ.เมือง จ.สระบุรี เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2519 ประกอบพิธียกช่อฟ้าอุโบสถ โดยสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ ได้ตามเสด็จในคราวนั้นด้วย อันเป็นพระมหากุณาธิคุณ ต่อพสกนิกรชาวบ้านหนองเขื่อนช้าง จ.สระบุรี

ปัจจุบันอุโบสถวัดหนองเขื่อนช้าง ยังมีพระปรมาภิไธยของทั้ง 4 พระองค์ประดิษฐานไว้ที่หน้าอุโบสถ ขณะเดียวกันได้มีการขอพระบรมราชานุญาตินำพระปรมาภิไธย ภปร. ประดิษฐานไว้บนยอดหน้าบัน และ ด้านบนหน้าต่างอุโบสถ รวมได้ถึงใบเสมาที่อยู่โดยรอบอุโบสถ ด้วย สำหรับในคราวเสด็จประกอบพิธียกช่อฟ้าอุโบสถวัดหนองเขื่อนช้าง เป็น 1 ใน 14 โอกาสคราวเสด็จพระราชดำเนินประกอบพระราชกรณียกิจที่จ.สระบุรี ยังความปลาบปลื้มและถือเป็นมงคลแก่พสกนิกรที่ได้มีโอกาสเข้าเฝ้ารับเสด็จอย่างใกล้ชิด