"ครูหนุ่มไฟแรง" ! ทุ่มเทแรงกายแรงใจ วิ่งระดมทุนตามรอย ตูน บอดี้สแลม

วันนี้ (8 เม.ย.) จากกรณีนายณัฐวัฒน์ โรจน์สุธี หรือณัฐ อายุ 35 ปี ครูสอนวิชาศิลปะ โรงเรียนโยธินบูรณะ กรุงเทพฯ ได้วิ่งออกจาก รพ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี มุ่งหน้า กทม.รวม ระยะทางกว่า 300 กิโลเมตร โดยเริ่มวิ่งตั้งแต่เช้าวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา ตามโครงการล้านก้าว เพื่อหารายได้สมทบทุนซื้อเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ มอบให้กับโรงพยาบาลทองผาภูมิ และต้องการรณรงค์ต่อต้านการล่าสัตว์ป่าทุกชนิด

โดยล่าสุดเมื่อวานนี้ เวลา 16.20 น. นายณัฐวัฒน์ โรจน์สุธี หรือครูณัฐ ได้วิ่งมาถึงปั้มน้ำมัน ปตท.แก่งเสี้ยน ต.แก่งสี้ยน อ.เมือง จ.กาญจนบุรี และได้หยุดพักร่างกายเป็นเวลาประมาณ 45 นาที จากนั้นได้วิ่งต่อเข้าไปภายในตัวอำเภอเมืองกาญจนบุรี โดยมีนายขวัญชัย ถิระศิลป์ คณะกรรมการบริหารมูลนิธิกู้ภัยกาญจนบุรี 1 ในทีมงานที่คอยติดตามเพื่ออำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัย ให้กับครูณัฐ และยังคอยประชาสัมพันธ์ให้กับนักท่องเที่ยวรวมทั้งประชาชนได้ร่วมกันบริจาคเงินคนละเล็กละน้อยเพื่อสมทบทุนในการซื้อเครื่องมือแพทย์มอบให้กับโรงพยาบาลทองผาภูมิด้วย

นายณัฐวัฒน์ เปิดเผยว่า ก่อนตัดสินใจวิ่งเพื่อระดมทุนจัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลทองผาภูมิในครั้งนี้ เนื่องจากเมื่อประมาณ 2-3 ปีที่ผ่านมา เคยทำค่ายให้กับเด็กนักเรียนในพื้นที่อำเภอสังขละบุรี รวมทั้งพื้นที่อำเภอทองผาภูมิมาก่อน และจากการพูดคุยกับเด็กๆถึงยาวเจ็บป่วยจะทำอย่างไร เพราะพื้นที่ค่อนข้างห่างไกลความเจริญและทุรกันดารเป็นอย่างมาก หากเจ็บไข้ไม่มากก็ไปพบหมอที่อนามัยใกล้ๆ แต่บางรายป่วยรุนแรงต้องนั่งรถยนต์เข้าไปรักษาที่โรงพยาบาลในตัวเมืองกาญจนบุรี เป็นระยะทางไกลกว่า 100 กิโลเมตร และจากการตรวจสอบก็พบว่าเครื่องมือแพทย์ที่อยู่ภายในโรงพยาบาลทองผาภูมิ ก็ไม่มีความพร้อม

นายณัฐวัฒน์ เปิดเผยต่อว่า ตอนแรกตั้งใจจะวิ่งเพื่อรณรงค์หยุดล่าเสือดำ และสัตว์ป่าทุกชนิด โดยจะเริ่มวิ่งที่หน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร และตั้งใจจะวิ่งตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ แน่ติดภาระกิจเกี่ยวกับนักเรียนจึงรอโอกาสมาจนถึงช่วงเดือนเมษายน ส่วนคดีความเรื่องของเสีอดำนั้น ไม่ขอก้าวล่วง เพราะคดีไปถึงชั้นอัยการแล้ว เป้าหมายจะวิ่งไปให้ถึงโรงเรียนโยธินบูรณะ ไม่น่าเกินวันที่ 14 เม.ย.นี้

นายณัฐวัฒน์ กล่าวว่า เมื่อสอบถามไปยังโรงพยาบาลทราบยังขาด ชุดอุปกรณ์ช่วยชีวิตทารกแรกคลอด ,เครื่องบันทึกการบีบตัวของมดลูก,เครื่องติดตามสัญญาณชีพและวัดระดับออกซิเจน,เครื่องวัดความดันโลหิตและเครื่องมือต่างๆอีกรวมมูลค่าประมาณ 1,104,000 บาท จึงตั้งเป้าไว้การวิ่งครั้งนี้อย่างน้อยขอให้ได้ซื้อเครื่องมือแพทย์ให้กับทางโรงพยาบาลได้บ้างสัก 1 เครื่อง โดยเฉพาะเครื่องที่ใช้สำหรับฟังหัวใจทารกในครรภ์ ซึ่งมีราคาประมาณ 5-6 หมื่นบาท

นายณัฐวัฒน์ กล่าวว่า การวิ่งครั้งนี้ได้เปิดบัญชีรับบริจาคที่ "ธนาคารกรุงไทย สาขาทองผาภูมิ เลขที่บัญชี 718-0-33633-5 ชื่อบัญชี น.ส.พรนิยม สาลิกา เพื่อโรงพยาบาลทองผาภูมิ และทวงชีวิตเสือดำ" ล่าสุดจากการตรวจยอดเงินที่ได้รับการบริจาคเข้ามาในบัญชี มียอดเงินแล้ว 329,000 บาท ยังไม่รวมกับเงินสดที่ชาวจังหวัดกาญจนบุรีร่วมบริจาคกับตน หลังจากปิดบัญชีรับบริจาค เราจะแจ้งยอดสุทธิให้ประชาชนทราบอีกครั้งหนึ่ง

ทั้งนี้ทีมงานล้านเก้าล้านใจ ยังได้ชี้แจงเหตุผล ที่ต้องใช้ชื่อบัญชี เป็นชื่อบุคคลส่วนตัว ด้วยดังนี้

1. ทาง รพ. ทองผาภูมิ ไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือจากพวกเรา แต่เราไปขอช่วย รพ. เองค่ะ

2. เดิมทีพวกเราคิดจะเปิด บช. ในนาม รพ. ทองผาภูมิอยู่แล้ว และได้ติดต่อไปทาง รพ. แต่ทีนี้บช. โรงพยาบาลมีอยู่แล้ว ซึ่งอิงการเบิกจ่ายกับกรมบัญชีกลาง ในการเบิกจ่ายจะต้องผ่านกรมบัญชีกลาง ซึ่งระบบราชการไทยทุกคนก็รู้ว่ายากและช้า และ จนท. บช. ของโรงพยาบาลจะต้องมีการบันทึกบัญชีเราไม่อยากจะไปเพิ่มภาระการทำบัญชีให้ จนท. อีก เพราะแค่รับมือกับคนไข้ที่เยอะมากกว่าบุคลากร ..

3.โครงการนี้เราทำระยะสั้น ทองผาภูมิ-กรุงเทพฯ ซึ่งแต่เดิมไม่ได้หวังเงินบริจาค แต่คิดแค่จะวิ่งอย่างเดียว แต่เมื่อมาถึง รพ. ทองผาภูมิ ครูณัฐเลยอยากจะหาทุนช่วยซื้ออุปกรณ์ที่ขาดแคลน เลยคิดเปิดบัญชีเป็นโครงการ แต่เนื่องด้วยธนาคารแห่งชาติไม่อนุญาตให้บุคคลธรรมดาเปิดเป็นชื่อโครงการ เพราะเป็นนามแฝง เกรงจะเป็นมิจฉาชีพ เลยต้องยอมเปิดเป็น บช. ส่วนตัว และตอนนี้รอหนังสือจาก รพ. ทองผาภูมิมารับรองบัญชีนี้ค่ะ

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก เพจล้านเก้า